• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561

    23 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

·         ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่อังกฤษและอียูสามารถบรรลุข้อตกลงหลักบางส่วนในการกำหนดอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างกันได้ก่อนที่จะมีการประชุมผู้นำในวันอาทิตย์นี้


โดยนายโดนัลด์ ทักส์ ประธานสภาอียู กล่าวว่า การหารือกันระหว่างนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับนายฌ็อง คอล์ด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการอียุ เกี่ยวกับแผนความสัมพันธ์ทางการค้านั้นมีการเข้าใกล้ความเป็นไปได้มากขึ้น รวมทั้งการผ่อนปรนกฎการค้าด้วย


ค่าเงินยูโรขยับขึ้น 0.4ตอบรับข่าวดังกล่าวไปทำระดับสูงสุดระหว่างวันที่บริเวณ 1.1434 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์ขยับแข็งค่าขึ้นได้เกือบ 1ที่ระดับ 1.2928 ดอลลาร์/ปอนด์


และการแข็งค่าของค่าเงินยูโรติดต่อกัน 2 วันทำการได้กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ปรับลง 0.3% ที่ระดับ 96.44 จุด และอยู่ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบเกือบปีกว่าบริเวณ 97.693 จุดที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือน  และการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่เกิดก็มาจากแรงกดดันของคำถามที่ว่าเฟดจะสามารถขึ้นดกเบี้ยในปีหน้าได้อย่างไร ท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลง 


อ้างอิงผลสำรวจจากรอยเตอร์ส พบว่า ค่ากลางของคาดการณ์นักวิเคราะห์ยังมองว่าปีหน้าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง สู่ระดับ 3.00-3.25ในช่วงสิ้นปีหน้า ขณะเดียวกันผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ยังสะท้อนว่ามีโอกาส 35% ที่จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงในช่วง 2 ปี

·         รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า อังกฤษและอียูมีการบรรลุร่างข้อตกลงในการกำหนดความสัมพันธ์ช่วง Post-Brexit แม้ว่าประเด็นกับทางสเปนเกี่ยวกับการควบคุมยิบรอลต้าจะต้องถูกกำหนดให้ได้ก่อนจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันอาทิตย์นี้เพื่อให้เกิดการประทับตรายางของข้อตกลง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยังกล่าวว่า อังกฤษจะบรรลุข้อตกลง Brexit ฉบับสมบูรณ์กับอียูได้ในไม่ช้า


ขณะที่นายเจเรมี คอร์บลิน พรรคแรงงานฝ่ายค้านแห่งอังกฤษ กล่าวตำหนิ ข้อตกลงของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในโลก


·         จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาครั้งใหม่ของสหรัฐฯที่มีการดำเนินมาตรการทางการค้าแบบไม่ยุติธรรมถาวร และเรียกร้องให้สหรัฐฯยุติการกระทำอันเป็นการยั่วยุ  จึงมีสัญญาณอ่อนข้อระหว่างกันเพียงเล็กน้อยก่อนที่ผู้นำทั้งสองประเทศจะเข้าพบกันในสัปดาห์หน้า

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มีกำหนดการจะพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯในการประชุม G20 ช่วงสิ้นเดือนนี้ ขณะที่ทั่วโลกคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถหาวิธีลดความตึงเครียดของข้อขัดแย้งทางการค้าที่เป็นภัยคุกคามเศรษฐกิจโลกได้


อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีจีนมีแนวโน้มจะเดินทางเยือนสเปนในวันพุธหน้าอย่างเป็นทางการ โดยทุกฝ่ายให้ความสนใจไปยังประเด็นการค้าและการท่องเที่ยว ซึ่งสเปนกำลังให้ความสนใจในการลงทุนจีนเพิ่มขึ้น

·         ทางการอิตาลี เผยว่า อาจจะได้รับแรงกดดันจากทางอียูเพิ่มเติมในการปรับทบทวนงบประมาณค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่ ขณะที่ทางคณะกรรมาธิการอียูเตรียมบทลงโทษก่อนที่สภายุโรปจะมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนพ.ค. ปีหน้า

การปะทะกันระหว่างอิตาลีและอียู ซึ่งอียูมีกฎด้านการเงินเพื่อปกป้องยูโรโซนจากวิกฤตหนี้สิน และการกระทำของอิตาลีดูจะละเมิดต่อเงื่อนไขบางส่วนและนั่นส่งผลให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวล ขณะที่เมื่อวานนี้เป็นการเริ่มต้นของคณะกรรมาธิการอียูในการหามาตรการลงโทษต่อยอดขาดดุลที่เกินกว่าจะรับได้ของอิตาลีในปีหน้า และได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีร่วงลงต่อเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนเลือกที่จะให้ความสนใจไปยังความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายมากกว่าการเผชิญหน้ากัน

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลง หลังจากที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปีที่แล้ว จึงยิ่งสร้างแรงกดดันเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตน้ำมัน แม้ว่ากลุ่มโอเปกจะมีการเจรจาเพื่อหาทางลดกำลังการผลิตร่วมกันเพื่อจำกัดการร่วงลงของราคา

น้ำมันดิบ Brent ปิดลง 23 เซนต์ ที่ระดับ 63.25 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 1 เหรียญ  ในช่วงต้นตลาดยุโรป ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงไปกว่า 1 เหรียญ ก่อนที่จะปิดตลาดลดลง 39 เซนต์ ที่ 54.24 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com