• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561

    21 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
·        ค่าเงินดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆส่วนใหญ่ โดยยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกจากเมื่อคืนนี้ที่แข็งค่าขึ้นได้จากแรงเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเด็น Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีน

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวที่บริเวณ 96.82 จุด หลังจากที่ดัชนีปรับแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ได้ประมาณ 0.65% 

·        ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.14% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 112.91 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าลงจากระดับแข็งค่าที่สุดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 112.29 เยน/ดอลลาร์ หลังค่าเงินดอลลาร์มีแรงเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven มากกว่า

·        ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแถวบริเวณ 1.1372 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงมา 0.7% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ค่าเงินปอนด์อังกฤษทรงตัวบริเวณ 1.2786 ปอนด์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลง 0.5% เมื่อคืนนี้ โดยค่าเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวแบบทรงตัวจนกว่าจะมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาBrexit

·        JP Morgan คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะชะลอตัวในปี 2019 ขณะที่ในปีนี้ขยายตัวที่ระดับ 1.9%

นักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวลงจากระดับ 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นผลมาจาก งบประมาณนโยบายทางการเงินและประเด็นทางการค้าที่ได้รับแรงหนุนน้อยลงหรือมีข้อจำกัดมากขึ้น

·        JP Morgan คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ขณะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าปี 2019

นักวิเคราะห์จาก JP Morgan คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2019 ได้จำนวน 4 ครั้ง ขณะที่ดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าช่วงครึ่งแรกของปี และจะค่อยๆปรับอ่อนค่าลงในช่วงครึ่งหลัง

·        Capital Economics คาดการณ์ว่า อีซีบีจะยังคงแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าต่อไป แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากความอ่อนแอของเศรษฐกิจอิตาลีก็ตาม โดยตราบใดที่เศรษฐกิจยูโรโซนในภาพรวมยังคงอยู่ในทิศทางขยายตัว อีซีบีจะไม่เปลี่ยนแปลงแผนยกเลิกนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษอย่างแน่นอน พร้อมยืนยันว่า ไม่มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจอิตาลีจะทำให้เศรษฐกิจยูโรโซนสูญเสียทิศทางขาขึ้นแต่อย่างใด

·        รายงานจากสำนักข่าว Reuters ระบุว่า คณะกรรมาธิการอียูเตรียมประกาศมาตรการลงโทษอิตาลี จากการที่อิตาลีได้ละเมิดนโยบายของอียูเกี่ยวกับแผนงบประมาณปี 2019

Key quotes

คณะกรรมาธิการอียูจะเปิดเผยความคิดเห็นที่มีต่อแผนงบประมาณของทั้ง 19 ประเทศในอียูที่ใช้ค่าเงินยูโรร่วมกัน ภายในเวลาประมาณ 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งนั่นรวมถึงแผนงบประมาณของอิตาลีที่มีการแก้ไขใหม่เมื่อเร็วๆนี้ หลังจากที่แผนงบประมาณฉบับก่อนถูกปฏิเสธไปเมื่อเดือน ต.ค.

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการอียูจะประกาศมาตรการลงโทษอิตาลีด้วยเช่นกัน  เนื่องจากอิตาลีได้ละเมิดข้อตกลงของอียู ที่กำหนดไม่ให้แผนงบประมาณของประเทศสมาชิกมีระดับหนี้สาธารณะสูงกว่า 60% ของจีดีพี หรือหากเกิน ก็ควรที่จะมีการทยอยปรับลดลงอย่างมั่นคงในทุกๆปี

·        นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เดินทางถึงกรุงบรัซเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม แล้วในวันนี้ เพื่อเตรียมเข้าเจรจาร่วมกับตัวแทนจากอียู โดยนางเมย์มีจุดมุ่งหมายที่จะหาข้อตกลงร่วมกับอียูในประเด็นหลักๆเกี่ยวกับ Brexit ซึ่งดูเหมือนจะยังติดปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ของยิบรอลตาร์ การประมง และการค้า

ทั้งนี้ บรรดาผู้นำประเทศในอียูทั้งหมดมีกำหนดการจะพบกันในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เพื่อร่วมกันประทับตราลงในข้อตกลง Brexit ระหว่างอังกฤษและอียู หากแต่การประชุมของทั้งสองฝ่ายสามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์

·        ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวกว่า 1% หลังจากร่วงลงไปในช่วงก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานการลดลงของสต๊อกน้ำมันดิบในเชิงพาณิชย์ของสหรัฐฯและการนำเข้าน้ำมันดิบของอินเดียเกือบ 5 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 1.4% ที่ระดับ 63.39 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.7% ที่ะรดับ 54.33 เหรียญ/บาร์เรล

·        FX Street มีมุมมองว่า ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาจะเห็นถึงการตกของราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงกลับมาแถว 52 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุด หลังจากท่ีช่วงต้นตลาดวานนี้ขึ้นมาทดสอบระดับเส้น Fibo Retracement 38.2% บริเวณ 54.35 เหรียญ/บาร์เรล

ไตรมาสที่ผ่านมาน้ำมันดิบ WTI สะท้อนถึงการกลับเทรนมาเป็นขาลง และถึงแม้จะดีดกลับมาแถว 62 เหรียญ/บาร์เรลได้ ก็ยังดูจะมีท่าทีเป็นขาลงต่อ หลังจากที่กลายมาเป็นการร่วงลงต่อเนื่องช่วง 7 สัปดาห์

·        Goldman Sachs คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันจะยังคงอยู่ในภาวะผันผวนอย่างมากในช่วงสัปดาห์ต่อๆไป โดยปัจจัยที่จะช่วยหนุนราคาน้ำมันและลดความผันผวนลงได้ มีเพียงแต่ปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ากลุ่ม OPEC มีการปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างชัดเจนและดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงหลักฐานว่าปริมาณอุปสงค์ในน้ำมันทั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com