• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561

    20 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากท่าทีระมัดระวังต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯของบรรดาสมาชิกเฟดที่อาจทำให้เฟดอาจต้องยุติหรือชะลอนโยบายดอกเบี้ย

ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะ 92.12 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 8 พ.ย. หลังจากที่ร่วงลงเกือบ 0.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย.

ขณะที่ล่าสุดดัชนีดอลลาร์แตะ 96.18 จุด หรือลงมาประมาณ 0.29% จากการที่ นายริชาร์ด แคลริด้า รองประธานเฟดและนายโรเบิร์ต เคพแลนด์ ดูจะประสานเสียงไปในทางเดียวกันเมื่อคืนวันศุกร์ที่ดูจะกังวลมากขึ้นต่อความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวและอาจกระทบต่อแนวทางการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าพวกเขาจะยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในอนาคตก็ตาม

ซึ่งถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดสองรายล่าสุดสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะสร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่สถาบัน Capital Economics มองว่าเฟดน่าจะปรับดอกเบี้ยให้เข้าสู่กรอบ 2.75 – 3.0% ในช่วงกลางปี 2019 ได้ แต่ในระยะยาวดูจะมีการปรับลดมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยในปี 2020 เพื่อตอบรับกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น

• ทีมนักกลยุทธ์จาก Goldman Sachs กล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ปี 2019 มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงมาประมาณ 6% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มจะชะลอตัว ขณะที่ผลกระทบจากนโยบายปรับลดภาษีดูจะเลือนหายออกไปจากตลาด

• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ แม้ว่าจะยังมีความกังวลในเรื่องของการเจรจางบประมาณอิตาลีปีหน้าระหว่างรัฐบาลอิตาลีกับทางอียู โดยยูโรขยับขึ้นได้ 0.32% ที่ 1.1454 ดอลลาร์/ยูโร หลังไปทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ช่วงต้นตลาด

• นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก TD Securities กล่าวว่า หากค่าเงินยูโร Break เหนือ 1.1440 ดอลลาร์/ยูโรก็มีโอกาสจะกลับขึ้นทดสอบแนวต้านเป้าหมายที่ 1.15 ดอลลาร์/ยูโร และหากผ่านไปได้มีโอกาสเห็นค่าเงินยูโรเปลี่ยนทิศทาง

• ค่าเงินปอนด์ก็ยังคงรอความชัดเจนเพิ่มขึ้นจากความคืบหน้าเรื่อง Brexit หลังจากที่เงินปอนด์ร่วงลงกว่า 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากการที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้รับเสียงคัดค้านจากพรรคฝ่ายค้านและทีมงานของเธอ ขณะที่เมื่อคืนนี้ปรับแข็งค่ากลับมาเล็กน้อย 0.15% ที่ระดับ 1.2856 ดอลลาร์/ปอนด์

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวลงหลังข้อมูลที่อยู่อาศัยออกมาแย่กว่าที่คาด และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการค้าทั่วโลก โดยผลตอบแทนระยะยาวอายุ 10 ปีร่วงลงแตะ 3.054% ขณะที่ผลตอบแทนระยะสั้นอายุ 2 ปีร่วงลงแตะ 2.775%

ความเชื่อมั่นผู้ก่อสร้างบ้านเดือนพ.ย. ล่าสุดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ส.ค. ปี 2016 ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของอัตราการจดจำนองและการเพิ่มขึ้นของราคาบ้านอย่างต่อเนื่อง

• รัฐบาลอังกฤษให้สัญญาจะออกคาดการณ์เศรษฐกิจที่เปรียบเทียบระหว่างกรณีที่อังกฤษยังคงอยู่ในอียู กับกรณีที่อังกฤษออกจากอียูโดยใช้ข้อตกลงของนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในเร็วๆนี้ แต่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะคาดการณ์ดังกล่าวเมื่อไหร่

ทั้งนี้ บรรดา ส.ส. ในรัฐสภามากกว่า 70 คน รวมทั้ง ส.ส. จากพรรคการเมืองของนางเมย์เอง ต่างสนับสนุนให้มีการแก้ไขข้อตกลง Brexit กับทางอียูในด้านการเงิน ก่อนที่จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาทำการลงมติในรัฐสภา

ขณะที่รัฐบาลของนางเมย์ตกลงที่จะออกบทวิเคราะห์ต่างๆเพื่อเข้ามาช่วยในการตัดสินใจของบรรดา ส.ส. และเพื่อเรียกเสียงสนับสนุนให้กับนโยบาย Brexit ของเธอเอง ก่อนหน้าที่การลงมติในสภาน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในช่วงต้นเดือน ธ.ค.

• Moritz Kraemer อดีตนักวิเคราะห์แนวหน้าจากสถาบันจัดอันดับ S&P ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า เป็นที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลาดไม่ได้มีความเตรียมพร้อมต่อกรณี No-deal Brexit เลยแม้แต่น้อย

โดย No-deal Brexit หมายถึงกรณีที่อังกฤษถอนตัวออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงทางการค้าใดๆมาเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการที่อังกฤษจะดำเนินการค้าขายร่วมกับอียูในกรณีนี้ได้ ก็จำเป็นจะต้องอยู่ภายใต้นโยบายของ WTO เท่านั้น

ส่วนการเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์อังกฤษในปัจจุบัน เปรียบเสมือนกับมาตรวัดความกังวลของตลาดที่มีต่อการเจรจา Brexit ซึ่งยังคงเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองของอังกฤษ

• การประชุม APEC เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาถือเป็นความล้มเหลวครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างตัวแทนจากสหรัฐฯและจีนที่มีกรณีพิพาททางการค้าร่วมกัน ทำให้การประชุมดังกล่าว แทนที่จะเป็นเจรจาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกันระหว่างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กลับกลายเป็นการโต้เถียงกันระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่ต่างกล่าวตำหนินโยบายเศรษฐกิจของอีกฝ่ายเท่านั้น

นักลงทุนและบรรดาผู้นำระดับโลกให้ความสำคัญกับการพบกันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ณ ประเทศอาร์เจนตินาร์ สัปดาห์หน้า

ซึ่งการประชุม G-20 ที่ผู้นำคนสำคัญทั้งสองประเทศจะพบกันได้จะเกิดขึ้นระหว่าง 30 พ.ย. - 1ธ.ค.

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นท่ามกลางแรงกดดันในตลาดเกี่ยวกับภาวการณ์ขยายตัวของอุปทานน้ำมัน แต่ก็ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯมีการปรับตัวลง ประกอบกับข่าวโอกาสที่อียูจะคว่ำบาตรอิหร่าน และโอเปกเตรียมปรับลดกำลังการผลิต

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 21 เซนต์ ที่ 66.97 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ลงไปทำต่ำสุดบริเวณ 65.27 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดขึ้น 68 เซนต์ ที่ระดับ 56.76 เหรียญ/บาร์เรล หลังร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 1 ปี ที่ 55.08 เหรียญ/บาร์เรล 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com