• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561

    13 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากแรงเข้าซื้อในฐานะ Safe-haven จากประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองในสหภาพยุโรปและแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว โดยดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวบริเวณ 97.5 จุด ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ระดับ 97.69 จุด

ขณะที่เครื่องมือ FedWatch ของ CME group คาดการณ์โอกาสเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ไว้ที่ 75%

นักวิเคราะห์จาก Rakuten Securitie ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นทั่วโลก

ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่า 0.1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 113.99 เยน/ดอลลาร์ หลังอ่อนค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่บริเวณ 114.20 เยน/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าค่าเงินเยนยังมีโอกาสแข็งค่าได้ หากปัจจัยความเสี่ยงในเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ลง เนื่องจากฐานะ Safe-haven ของค่าเงินเยน โดยเฉพาะหากเกิดการปรับฐานในค่าเงินดอลลาร์

ด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% ที่บริเวณ 1.1243 ดอลลาร์/ยูโร หลังอ่อนค่าลง 1% เมื่อวานนี้

• วิเคราะห์ค่าเงิน EUR/USD ทางเทคนิค : คาดค่าเงินมีแรงเข้าซื้อแถว $1.12

นักวิเคราะห์จาก Daily FX คาดการณ์ว่า ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ (EUR/USD) มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงอีก หลังจากที่ค่าเงินหลุดแนวรับที่บริเวณ $1.1268-1.1301 ลงมาและทำจุดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน โดยค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน

ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนน่าจะจับตาที่แนวรับบริเวณ $1.1110-32 โดยหากค่าเงินอ่อนค่าหลุดแนวรับนี้ลงไป ก็มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อไปยังบริเวณ $1.1024 จนถึงบริเวณ $1.0797 - $1.0863

ในขณะเดียวกัน หากค่าเงินรีบาวน์กลับขึ้นมาปิดตลาดเหนือระดับ $1.1301 ก็อาจเปิดโอกาสให้ค่าเงินสามารถแข็งค่ากลับขึ้นมาได้ถึงบริเวณ $1.1432 ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญเดิมในช่วงเดือน ก.ย.

• เหตุการณ์ความขัดแย้งในฉนวนกาซ่าระหว่างกองทัพปาเลสไตน์และอิสราเอล ได้ขยายความรุนแรงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 โดยการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอิสราเอลยังคงดำเนินต่อภายในวันนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตเป็นชาวปาเลสไตน์ 5 ราย และประชาชนชาวอิสราเอลจำนวน 1 ราย และเหตุความรุนแรงดังกล่าวอาจทำให้สัญญาสงบศึกที่ร่วมจัดทำโดยสหประชาติ อียิปต์ และกาต้า อาจพังทลายลง

• นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯต่อต้านการเคลื่อนไหวของกองทัพจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ และยอมรับว่าความขัดแย้งภายในพื้นที่ดังกล่าวระหว่างสหรัฐฯและจีนยังคงขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อ

นอกจากนี้ นายโบลตันยังได้กล่าวว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเตรียมการสำหรับการประชุมร่วมกันระหว่างนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เป็นครั้งที่สอง และถ้อยแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีรายงานว่าสถานที่พัฒนาขีปนาวุธแห่งหนึ่งในเกาหลีเหนือที่ไม่ระบุชื่อ ได้ปิดตัวลงเพื่อซ่อมบำรุง

• ผลสำรวจโดย Reuters พบว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์มองว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3/2018 อยู่แล้ว จะยิ่งมีอัตราชะลอตัวลงมากขึ้นในช่วงปีต่อไป โดยมีปัจจัยกดดัน 3 อันดับแรกคือ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ตามมาด้วย การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น

• บีโอเจได้กลายเป็นธนาคารกลางภายในประเทศกลุ่ม G7 แห่งแรกที่มีมูลค่าการถือครองทรัพย์สินสำรองรวมแล้วมากกว่ายอดดุลการค้าทั้งหมดของประเทศ หลังจากที่ญี่ปุ่นมีการใช้เงินทุนทำรองออกติดต่อกันมากกว่า 5 ปี เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิ

ทั้งนี้ บีโอเจมีการถือครองทรัพย์สินเป็นมูลค่าทั้งหมด 553.6 ล้านล้านเยน (4.87 ล้านล้านเหรียญ) ซึ่งมากกว่ามูลค่าของบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก หรือ Apple ถึง 5 เท่าและมากกว่าบริษัทที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น หรือ Totyta ถึง 25 เท่า

สำหรับยอดดุลการค้าของญี่ปุ่นในช่วงเดือน เม.ย. – มิ.ย. อยู่ที่ระดับ 552.8207 ล้านล้านเยน ซึ่งดุลการค้าในช่วงเดือน ก.ค. – ก.ย. อาจชะลอตัวลงบางส่วน หลังประเทศได้ประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติติดต่อกัน

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประมาณ 1% โดยน้ำมันดิบ Brent ร่วงลงต่ำกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI อยู่ต่ำกว่าระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังว่า จะไม่เกิดการลดกำลังการผลิตน้ำมันใดๆ

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.2% ที่ระดับ 59.22 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 1% ที่ระดับ 69.41 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com