• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 602.12 จุด คิดเป็น -2.32% ที่ระดับ 25,387.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -1.97% ที่ระดับ 2,726.22 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิด -2.78% ที่ 7,200.87 จุด
ขณะที่วันหยุดเมื่อวานนี้ของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯในวันทหารผ่านศุกร์ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นมีวอลลุมการซื้อขายที่เบาบางลงไป ขณะที่การร่วงลงที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้มาจากหุ้นบริษัท Apple และธนาคารGoldman Sachs Group ร่วงลงหนักและฉุดหุ้นเทคโนโลยีและการเงิน
• ประกอบกับรายงานจาก Bloomberg ที่ว่า ทำเนียบขาวกำลังมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับร่างภาษีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มยานยนต์
• Axios reports ระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีแผนที่จะเก็บภาษีกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์มากขึ้นเพื่อสร้างกลยุทธ์การเจรจาทางการค้าให้ดีที่สุด โดยทรัมป์มีแนวโน้มจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตภายนอกสหรัฐฯเพิ่ม 25%
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงเช้านี้ตามตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปิดร่วงลงกว่า 600 จุด ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิด -3.4% เช้านี้ ควบคู่กับดัชนี Topix ที่เปิด -3% จากหุ้นซัพไพลเออร์ของบริษัท Apple หรือ Japan Display ปรับร่วงลง 8.57% ในเช้านี้
ขณะที่หุ้น Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -2.12% จากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เปิดร่วงลง ขณะที่หุ้น ASX200 เปิด -1.76% จากหุ้นกลุ่มพลังงานที่เปิดลง 1.72% และหุ้นการเงินเปิด -2.32%
• นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00 - 33.20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งตลาดจะรอดูปัจจัยสำคัญ คือ ผลประชุมกนง. ในวันพุธนี้
• The Bangkok Insight คาดว่า กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 14 พฤศจิกายน โดยเรามองว่ามีโอกาสที่กนง.จะเสียงแตกมากขึ้นในการลงมติเทียบกับผลโหวต 5 ต่อ 2 เสียงในการประชุมเมื่อเดือนกันยายน และคาดว่าทางการจะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.75% ในเดือนธันวาคม 2561 หากการชะลอตัวของภาคส่งออกอยู่ในระดับที่ยังสามารถประคับประคองได้