• ดัชนีดาวโจนส์ปิดลง 201.92 จุด คิดเป็น -0.77% ที่ระดับ 25,989.3 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิด -0.92% ที่ระดับ 2,781.01 จุด และ Nasdaq ปิด -1.65% ที่ระดับ 7,406.9 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดปรับตัวลงหลังจากที่ฟื้นตัวจากแรงขายในเดือนต.ค. ท่ามกลางราคาน้ำมันดิบที่ปรับร่วงลงต่อจากหลักฐานที่ว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับลงเช้านี้ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลกจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบจากประเด็นดังกล่าว
ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.75% ขณะที่ดัชนี Topix เปิด -0.68% และดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เปิด -0.63%
• นักบริหารการเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่สัญญาณนโยบายการเงินของกนง. (14 พ.ย.)
โดยต้องติดตามปัจจัย ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออก ยอดค้าปลีก และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ผลการสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนพ.ย. และตัวเลขเงินทุนไหลเข้าสุทธิเดือนก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด (14 พ.ย.) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด รวมถึงความคืบหน้าของประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2561 ของญี่ปุ่น และประเทศสมาชิกยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนต.ค. ของจีน