• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561

    9 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเงินปอนด์ หลังเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ได้ยืนยันถึงมุมมองเชิงคุมเข้มทางนโยบายการเงิน และส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.

ทั้งนี้ ตลาดค่าเงินกำลังจับตาไปที่ความแตกต่างระหว่างนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯและเศรษฐกิจรายใหญ่อื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ที่ยังคงมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ จึงส่งผลให้ค่าเงินเยนยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์

สำหรับดัชนีดอลลาร์วันนี้ ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ 96.75 จุด

เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group คาดการณ์โอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีก 0.25% ในเดือน ธ.ค. ไว้ที่ 75%

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก HSBC คาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019 ไว้ที่ 2 ครั้ง ในช่วงเดือน มี.ค. และ มิ.ย.

ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.18% บริเวณ 1.1342 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ค่าเงินปรับอ่อนค่าลงมา 0.54% เมื่อวานนี้

• ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ (EUR/USD) ดูจะกลับมาเป็นทิศทางขาลงที่แข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากที่มีการปรับฐานสูงขึ้นในระยะสั้น โดยค่าเงินได้อ่อนค่าหลุดแนวรับเส้นเทรนขาขึ้นระยะสั้น และเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับต่ำสุดของวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ภาพรวมระยะยาวเข้าสู่ทิศทางขาลง
สำหรับในกราฟรายวัน ค่าเงินมีแนวโน้มจะลงไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ $1.1268.-1301 ซึ่งเป็นแนวรับที่รองรับการร่วงลงของค่าเงินมาได้ตั้งแต่เดือน ส.ค. หากหลุดบริเวณนี้ลงไป ค่าเงินก็มีโอกาสที่จะลงต่อไปได้ถึงบริเวณ $1.1110-19

ในขณะเดียวกัน แนวต้านระยะสั้นจะอยู่ที่ระดับ $1.1432 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวันที่ 9 ต.ค. และเส้นแนวต้านของเทรนขาลง โดยราคาต้องปิดเหนือระดับดังกล่าวให้ได้ ก่อนที่จะมีโอกาสกลับขึ้นไปทดสอบบริเวณ $1.1543-54 อีกครั้ง

• กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในเขตยูโรโซน เนื่องจากปัจจัยจากภายนอก โดยเฉพาะประเด็นความขัดแย้งทางการค้า และภาวะตลาดการเงินที่ตึงตัว

โดยในรายงาน IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปในปี 2018 ลงสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ 2.8% ในปี 2017 และคาดการณ์สำหรับปี 2019 ไว้ที่ระดับ 1.9%

ทั้งนี้ ในรายงานได้ระบุไว้ว่า “ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น คือปัญหาความขัดแย้งทางการค้า และภาวะตลาดการเงินที่ตึงตัว จึงอาจกดดันการลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจ”

• นางนิกกี้ ฮาเล่ย์ เอกอัคราชทูตประจำสหประชาชาติแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียต้องการยกเลิกข้อจำกัดด้านธนาคารกับเกาหลีเหนือ ที่กำหนดเอาไว้เพื่อกดดันความพยายามในการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมให้รัสเซียดำเนินการเช่นนั้นอย่างแน่นอน

• มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อภาคอุตสาหกรรมในประเทศจีนชะลอตัวในเดือต ต.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากปริมาณอุปสงค์ภายในประเทศและอัตราการผลิตที่ลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Trade war กับสหรัฐฯเพิ่มเติมเร็วๆนี้

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิตในประเทศจีน (PPI) ขยายตัว 3.3% ในเดือน ต.ค. น้อยกว่าในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 3.6%

• ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้ แต่อย่างไรก็ดีตลาดยังคงอ่อนแอเนื่องจากภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่กดดันราคา ทั้งนี้น้ำมันดิบ WTI ลดลงกว่า 20% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยวันนี้ปรับลง 6 เซนต์ ที่ระดับ 65.61 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 9 เซนต์ ที่ระดับ 70.74 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com