• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังนักลงทุนรับรู้ผลการเลือกตั้งสภาคองเกรสสหรัฐฯ โดยในช่วงต้นตลาดเผชิญแรงเทขายจากผลที่คาดว่าอาจยังไม่มีแนวโน้มใดๆสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใดๆ เนื่องจากผลที่ออกมาเป็นไปตามคาดที่ทั้งสองพรรคต่างครองเสียงข้างมากได้คนละสภาฯ
แต่ตลาดเชื่อว่าการแบ่งแยกที่เกิดขึ้นในสภาคองเกรสครั้งนี้จะมีผลต่อนโยบายปรับลดภาษีและการปรับลดข้อกำหนดที่จะยังไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้ในตอนนี้ และนั่นทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.13% ที่ระดับ 96.196 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นโดยทั่วไปมีการฟื้นตัว และดัชนีดาวโจนส์กับดัชนี S&P 500 ปิดปรับขึ้นได้กว่า 2%
ทางด้านค่าเงินยูโรปรับขึ้น 0.05% ที่ระดับ 1.143 ดอลลาร์/ยูโร หรือปรับขึ้นได้กว่า 1% จากระดับต่ำสุดของปีบริเวณ 1.1301 ดอลลาร์/ยูโรที่ทำไว้เมื่อ 15 ส.ค.
• หลังจบการเลือกตั้งสภาคองเกรสของสหรัฐฯวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในเชิงความพร้อมต่อสู้ทางการเมือง พร้อมมีการกล่าวตำหนิสมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายที่ทำให้เขาต้องสูญเสียเก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯให้แก่พรรคเดโมแครต แต่นายทรัมป์ ก็เมินต่อประเด็นดังกล่าว โดยพูดในทำนองว่าเขาอาจเจรจาได้ง่ายขึ้นบางประเด็นกับทางพรรคเดโมแครต ขณะที่พรรครีพับลิกันก็ยังคงครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาได้
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า การเปลี่ยนถ่ายอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรที่เกิดขึ้นอาจทำให้คณะกรรมาธิการกำกับดูแลด้านโครงสร้างต้องการให้รัฐบาลกลับมาเพิ่มเติมในเรื่องบประมาณภาครัฐเพื่อปรับปรุงถนนหนทาง, สะพาน และเครื่องบิน ขณะที่นายทรัมป์ระบุว่า ข้อตกลงอาจเกิดขึ้นได้
• บรรดานักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯต่างมีความหวังว่า ภาวะสภาแยกของสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองแสดงข้างมากในสภาสูง ขณะที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาล่าง จะช่วยให้ตลาดมีหุ้นแต่ละส่วนมีความชัดเจนมากขึ้นว่า หุ้นกลุ่มใดเป็นหุ้นที่ได้ผลประโยชน์จากนโยบายเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกลุ่มการเงินอาจได้รับแรงหนุนจากการปรับลดข้อบังคับต่างๆ หนือหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพอาจเผชิญแรงกดดันจากนโยบายควบคุมราคา และงบประมาณทางการทหารที่อาจติดขัดจากความขัดแย้งกันของทั้ง 2 สภา
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สั่งปลดนายเจฟ เซสชั่น อัยการสูงสุดแห่งสหรัฐฯ ภายหลังจากการเลือกตั้งกลางวาระผ่านพ้นไป พร้อมยืนยันว่าจะต่อสู้หากพรรคเดโมแครตที่เป็นฝ่ายมีเสียงข้างมากในสภาล่าง ดำเนินการสืบสวนทีมบริหารของเขา
ทั้งนี้ นายเซสชั่น ซึ่งเคยเป็นผู้สนับสนุนของนายทรัมป์ แต่เกิดความขัดแย้งกับนายทรัมป์ในประเด็นการสืบสวนความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและการเลือกตั้งประธานาธิบดี และนายเซสชั่นได้เคยส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง
การสั่งปลดนายเซสชั่น ทำให้ทางพรรคเดโมแครตออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวนายทรัมป์ พร้อมเตือนว่าทรัมป์ไม่ควรเข้ามาขัดขวางการดำเนินการสืบสวนกรณีแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่นำทีมสืบสวนโดยนายโรเบิร์ต มูลเลอร์
• เฟดเริ่มประชุมเมื่อวันพุธนี้เป็นวันแรกและจะทราบผลในคืนวันนี้ ท่ามกลางการเผชิญกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจทางการเมืองที่อาจส่งผลต่อข้อมูลเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อย รวมถึงแผนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้าและปีหน้า
อย่างไรก็ดี เฟดไม่ถูกคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงการประชุมวาระนี้ ท่ามกลางความผันผวนครั้งใหม่ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น และความเชื่อมั่นในตลาด และกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่จะชะลอตัวปีหน้า
• รายงานจาก Tankan เผยว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจการผลิตของญี่ปุ่นปรับตัวลงในเดือนพ.ย. อันได้รับความเสี่ยงจากข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะที่บีโอเจมักจะจับตาข้อมูลขของผลสำรวจ Tankan รายไตรมาสอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางภาคการผลิตที่ถูกคาดว่าจะปรับตัวลงต่อในช่วง 3 เดือนข้างหน้านี้ ขณะที่ภาคบริการมีการรีบาวน์ได้จากระดับต่ำสุดรอบ 2 ปี
ผู้จัดการด้านอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ในญี่ปุ่น เผยว่า ภาคธุรกิจตอนนี้ไม่ค่อยดีนักจากปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
• น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 6 เซนต์ ที่ระดับ 72.07 เหรียญ/บาร์เรล แต่ก็ดีดกลับได้หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วงต้นตลาด เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่ารัสเซียและซาอุดิอาระเบียจะมการหารือเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตในปีหน้า
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 54 เซนต์ ที่ระดับ 61.67 เหรียญ/บาร์เรล หรือปรับตัวลงมาแล้วกว่า 20% จากระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนต.ค.
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากที่ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยผลที่ออกมาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด 5.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
โดยปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯขยายขึ้นสู่ระดับ 11.6 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงกว่าการผลิตของรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศจะมีการเพิ่มปริมาณการผลิตก่อนหน้านโยบายคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจะมีผลบังคับใช้ก็ตาม และประเด็นนี้อาจเป็นที่ถูกพูดถึงในการประชุมของกลุ่มโอเปกในช่วงสุดสัปดาห์นี้
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเขาจะสามารถพบกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้อีกครั้งในช่วงต้นปี 2019 แม้ว่าการประชุมร่วมกันระหว่างนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ และตัวแทนจากเกาหลีเหนือจะถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว จากเดิมที่มีกำหนดการไว้ภายในสัปดาห์นี้ก็ตาม
ทั้งนี้ นายปอมเปโอมีกำหนดจะพบกับนายคิม ยอง ชอล เจ้าหน้าที่อาวุโสจากเกาหลีเหนือ ณ เมืองนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีนี้ เกี่ยวกับความคืบหน้าในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่ทางกระทรวงต่างประเทศได้ออกมาประกาศว่าการประชุมดังกล่าวได้ถูกเลื่อนออกไปชั่วคราว โดยที่ไม่ได้ให้เหตุผลแต่อย่างใด