• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

    6 พฤศจิกายน 2561 | Economic News
• ดัชนีดอลลาร์ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ บริเวณ 96.33 จุด หลังจากแข็งค่าขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ระดับ 97.20 จุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่ชะลอการลงทุนเพื่อเฝ้ารอผลการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯได้

ทั้งนี้ โพลสำรวจส่วนใหญ่มองว่าพรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะสามารถครอบครองที่นั่งในสภาได้มากขึ้น โดยทางเดโมแครตมีแนวโน้มจะครองเสียงข้างมากในสภาล่าง ขณะที่รีพับลิกันน่าจะสามารถคงเสียงข้างมากในสภาสูงได้ดังเดิม

ด้านค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงมาเล็กน้อย บริเวณ 1.1404 ดอลลาร์/ยูโร โดยยืนสูงกว่าระดับต่ำสุดในรอบปีที่ 1.1301 ดอลลาร์/ยูโร ได้ประมาณ 1%

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรยังคงเผชิญแรงกดดัน หลังสหภาพยุโรปได้เรียกร้องให้รัฐบาลอิตาลีพิจจารณาปรับเปลี่ยนแผนงบประมาณสำหรับปี 2019 ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของสหภาพ แต่ทางอิตาลีก็ยังคงยืนยันที่จะยึดมั่นในแผนงบประมาณดังกล่าวต่อไป

ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่บริเวณ 113.27 เยน/ดอลลาร์ ใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่ 113.385 เยน/ดอลลาร์ ที่ค่าเงินอ่อนขึ้นไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

• นักวิเคราะห์จาก Mizuho Securities ระบุว่า มีแนวโน้มสูงว่าทางพรรคเดโมแครตจะสามารถครองที่นั่งในสภาล่างได้มากขึ้น และอาจสามารถกลับเป็นฝ่ายมีเสียงข้างมากได้เลย ขณะที่ทางพรรครีพับลิกันน่าจะครองเสียงข้างมากสภาสูงดงเดิม

อย่างไรก็ตาม หากรีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในทั้ง 2 สภาได้ ก็จะเป็นผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในระยะสั้นๆ แต่ในระยะยาวการปรับสูงขึ้นของพันธบัตร อาจนำมาซึ่งแรงเทขายในตลาดหุ้น และหากเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น ก็จะไม่เป็นผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์

• รายงานจาก Facebook ระบุว่า ทางบริษัทฯได้ทำการระงับบัญชีผู้ใช้งานจำนวน 115 บัญชี ที่รัฐบาลสหรัฐฯตรวจสอบพบว่ามีพฤติธรรมน่าสงสัยที่เกี่ยวโยงกับบริษัทต่างชาติ ก่อนหน้าการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้

• นักวิเคราะห์ประจำธนาคาร Danske ระบุว่า ประชาชน 50 รัฐฯจะเริ่มลงคะแนนตั้งแต่เวลา 13.00น. (GMT) หรือตามเวลาไทยประมาณ 20.00น. วันนี้ และจะทราบผลอีกทีช่วงปิดหีบตั้งแต่เวลาประมาณเที่ยงคืน (GMT) หรือเวลาไทยประมาณ 07.00น. ของวันที่ 7 พ.ย. และคิดว่าจะทราบผลที่แน่ชัดในช่วงเวลาประมาณ 08.00น (GMT) หรือ 15.00น. ตามเวลาไทย และจะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด

• รายงานจาก Reuters ระบุว่า ทางอีซีบีมีแนวโน้มจะไม่รเปลี่ยนแปลงในแผนการเข้าซื้อพันธบัตรเป็นมูลค่า 2.6 ล้านล้านยูโร (3 ล้านล้านเหรียญ) เพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดพันธบัตรในยุโรป ก่อนหน้าที่แผนการเข้าซื้อพันธบัตรจะจบลงในเดือน ธ.ค.

• สำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า คำสั่งซื้ออุตสาหกรรมการผลิตเยอรมันนีประจำเดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาด โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในประเทศและในกลุ่มยูโรโซน

สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะร่วงลง 0.6%

ด้านการผลิตของเยอรมันมีแนวโน้มที่จะหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากหลายบริษัท ยังคงมีความพึงพอใจในการสั่งซื้อสินค้า

• รองประธานาธิบดีจีน ยืนยันว่าทางประเทศมีความพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย และแสดงความคิดเห็นว่า จะไม่มีฝ่ายใดได้ผลประโยชน์จากความขัดแย้งครั้งนี้

ขณะที่ตลาดกำลังจับตาการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. นี้ หลังสหรัฐฯข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็นมูลค่ากว่า2.67 แสนล้านเหรียญ

• ธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ระบุว่า ภาวะฟองสบู่ของธุรกิจประเภท Blockchain ในประเทศเริ่มเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งออกมาตรการเข้ามาควบคุมธุรกิจกลุ่มดังกล่าว เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิ

• รองผู้ว่าธนาคารกลางแห่งประเทศจีน มีแนวโน้มจะกล่าวถ้อยแถลงว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนในตลาดโลก เป็นผลที่มาจากหลักของอุปสงค์-อุปทานอย่างแท้จริง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการควบคุมขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง

• รัฐมนตรีกระทรวงการค้าแห่งญี่ปุ่น ระบุว่า บรรดาผู้ซื้อน้ำมันจากอิหร่านภายในประเทศ มีแนวโน้มที่จะกลับมาเข้าซื้อน้ำมันจากอิหร่านเช่นเดิม หลังจากที่สหรัฐฯประกาศยกเว้นให้ ญี่ปุ่น และอีก 7 ประเทศ สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ตามปกติ เป็นระยะเวลาจำกัด

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยถูกกดดันจากประเด็นการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน แต่สหรัฐฯได้ประกาศยกเว้น 8 ประเทศให้สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอาจทำให้อุปสงค์น้ำมันลดลงไป

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 0.3% ที่ระดับ 62.90 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.6% ที่ระดับ 72.70 เหรียญ/บาร์เรล

เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะเป็นปัจจัยที่กดดันปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ขณะที่ความวิตกกังวลด้านอุปทานหลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศยกเว้น 8 ประเทศให้สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้ จะช่วยให้สามารถซื้อสินค้าได้ต่อไป

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com