• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561

    6 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้หลังปรับแข็งค่ามา 3 สัปดาห์ จึงหนุนให้ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น ขณะที่นักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลต่อการเลือกตั้งกลางวาระสหรัฐฯวันนี้ เนื่องจากอาจส่งผลให้เศรษฐกิจปรับลงได้

นักวิเคราะห์บางส่วนมีมุมมองว่า เดโมแครตที่กำลังเป็นที่นิยมถูกคาดว่าจะได้รับเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่รีพับลิกันจะได้เสียงข้างมากในวุฒิสภา และผลที่ออกมาอาจกดดันดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งครั้งนี้อาจบ่งชี้ถึงสถานะทางเศรษฐกิจด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับลดภาษีหรือการปรับลดข้อกำหนดต่างๆ เนื่องจากการที่เดโมแครตได้ครองเสียงข้างมากในสภาก็อาจทำให้เกิดการตรวจสอบและปรับการทำงานให้สมดุล ขณะที่การเป็นพรรคเดี่ยวในการครองเสียงข้างมากสองสภาก็จะยิ่งเป็นผลร้ายต่อดอลลาร์

แต่หากพรรครีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมาก นั่นอาจหมายถึงการเห็นข้อขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้นประกอบกับยอดขาดดุลครั้งใหญ่ แต่การที่เดโมแครตเข้าครองเสียงข้างมากก็อาจมีการปรับทบทวนการปรับลดภาษีหรือการปรับโครงสร้างของข้อตกลงต่างๆได้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี หากผลที่ออกมาเหนือความคาดหมายก็อาจเห็นความผันผวนและเกิดการปิดสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์ได้ ขณะที่ภาพรวมดอลลาร์ปีนี้ปรับแข็งค่าขึ้นได้กว่า 7% นับจากระดับอ่อนค่าที่สุดในช่วงเดือนเม.ย.

• ดัชนีดอลลาร์ปรับลง 13.3 จุด ที่ระดับ 96.313 จุด หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วทำ High นับตั้งแต่มิ.ย. ปี 2017 ที่ 97.2 จุด

• รายงานจาก CFTC ชี้ว่า บรรดาเฮดจ์ฟันด์และกลุ่มผู้จัดการกองทุนมีการถือครองสถานะ Long ในค่าเงินดอลลาร์คิดเป็นมูลค่า 2.674 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ธ.ค. ปี 2016

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลงท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ทำการ Cover Short ก่อนทราบผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนอายุ 10 ปี ปรับลงมาจาก 3.214% สู่ระดับ 3.2027% ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปี ปรับลงจาก 3.454% สู่ระดับ 3.4353%

• ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาที่ 1.141 ดอลลาร์/ยูโร อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลักมากกว่าข้อมูลเศรษฐกิจของฝั่งยุโรป ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นมาที่ 1.305 ดอลลาร์/ปอนด์ อันเป็นผลมาจากคาดการณ์ที่ว่าอังกฤษและอียูจะสามารถบรรลุข้อตกลง Brexit ได้

• รายงานจาก Telegraph ระบุว่า การเลือกตั้งการเทอมของสหรัฐฯจะเกิดขึ้นทุกๆ 2 ปี ซึ่ง ณ ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันมีการครองเวียงข้างมากได้ทั้ง 2 สภา แต่ผู้เชี่ยวชาญลางส่วน ชี้ว่า ศึกเลือกตั้งครั้งนี้อาจเห็นเดโมแครตคว้าชัยครองเสียงข้างมากได้

เก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎรมีทั้งหมด 435 ที่นั่ง ขณะที่เก้าอี้ในวุฒิสภามีทั้งหมด 100 ที่นั่ง และประชาชน 50 รัฐฯจะเริ่มลงคะแนนตั้งแต่เวลา 13.00น. (GMT) หรือตามเวลาไทยประมาณ 20.00น. วันนี้ และจะทราบผลอีกทีช่วงปิดหีบตั้งปต่เวลาประมาณเที่ยงคืน (GMT) หรือเวลาไทยประมาณ 07.00น. ของวันที่ 7 พ.ย. และคิดว่าจะทราบผลที่แน่ชัดในช่วงเวลาประมาณ 08.00น (GMT) หรือ 15.00น. ตามเวลาไทย

• โพลสำรวจจาก CNN มองว่ามีโอกาส 55% ต่อ 42% ที่จะเห็นเดโมแครตคว้าชัยครองเสียงข้างมาก และ 39% มองว่าทรัมป์จะยังสามารถดำเนินงานได้ดีในฐานะประธานาธิบดี

นอกจากนี้ ผลสำรวจจาก CNN ยังจำแนกว่าสัดส่วนของผู้หญิงส่วนใหญ่ดูจะพึงพอใจกับพรรคเดโมแครตถึง 62% และจะเลือกพรรครีพับลิกันมีเพียง 35% แต่ผู้ชายมีแนวโน้มจะเลือกพรรครีพับลิกันสูงกว่าที่ 49% ขณะที่จะเลือกเดโมแครตต่างกันเพียง 1% ที่ 48%

• ผลสำรวจจาก ABC News และ Washington Post ก็เป็นไปในทางเดียวกันที่จะเห็นเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้ 52% ขณะที่รีพับลิกันมีโอกาสถูกเลือก 44%

• โพลจาก NBC News และ Wall Street Journal มองว่าคะแนนนิยมของพรรคเดโมแครตอยู่ที่ 50% ขณะที่ความนิยมในพรรครีพับลิกันมี 43%

• ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศให้นโยบายคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านมีผลบังคับใช้เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับรัฐบาลอิหร่าน โดยที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งอิหร่าน ได้กล่าวให้อิหร่าน พิจารณาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองให้เป็นเหมือนประเทศปกติ หรือจะปล่อยเศรษฐกิจของประเทศตัวเองพังทลายลง

ทางด้านนายฮัสสัน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯว่า อิหร่านจะทำการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร และดำเนินการส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลกต่อ ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนต่อต้านนโยบายของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ได้มีการเปิดเผยรายชื่อประเทศที่จะได้รับการละเว้นมาตรการคว่ำบาตรและสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านตามปกติภายในระยะเวลาที่จำกัด โดยประเทศในรายชื่อดังกล่าวจะมีจีน อินเดีย กรีซ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และตุรกี

นอกจากนี้ ทางสมาคมอิหร่าน-อเมริกัน (National Iranian American Council) ได้กล่าวเตือนว่า การคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน อาจทำให้กลุ่มที่ต่อต้านสหรัฐฯอย่างรุนแรงในอิหร่านกลับมามีอำนาจได้มากยิ่งขึ้น

• พลเอก โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการร่วมฯแห่งกองทัพสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า หากความสัมพันธ์ทางการทูตกับเกาหลีเหนือมีความคืบหน้ามากขึ้น ทางสหรัฐฯก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจุดยืนทางการทหาร โดยเฉพาะในพื้นที่คาบสมุทรเกาหลี

• ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ มีกำหนดการจะพบกับนายคิม ยอง ชอล เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากเกาหลีเหนือ ณ เมืองนิวยอร์ก ภายในวันพฤหัสบดีนี้ โดยทั้งสองจะเจรจาเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในขั้นตอนสุดท้าย

• ราคาน้ำมันปิดผสมผสานเมื่อวานนี้ หลังจากปรับลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ ท่ามกลางการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน แต่สหรัฐฯได้ประกาศยกเว้น 8 ประเทศให้สามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้

โดยสัญญาน้ำมันดิบ Brent ปิด +0.34 เหรียญ ที่ระดับ 73.17 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.4 เหรียญ ที่ระดับ 63.10 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com