MTS Help Center

ไม่ค่อยมีการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯครั้งไหนๆ ที่เป็นที่จับตาของทั่วโลกอย่างกว้างขวางเท่าครั้งที่จะถึงนี้ เนื่องจากทั่วโลกกำลังสนใจว่า รูปแบบการปกครองของสหรัฐฯยังมีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่ ทีมบริหารของนประธานาธิบดีสหรัฐฯและนโยบายของพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับทางแนวคิดประชานิยมและชาตินิยมทั่วโลก

ประเด็นแรกที่ทั่วโลกจับตา คือข้อต้องสงสัยว่าประสิทธิภาพของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยของสหรัฐฯกำลังสั่นคลอน ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมประเทศจีนกำลังพยายามนำเสนอการปกครองในระบอบรัฐทุนนิยมของพวกเขาให้แก่บรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่กำลังพัฒนา

ประเด็นที่สอง บรรดาพันธมิตรและศัตรูของสหรัฐฯต่างจะจับตาผลของการเลิกตั้ง ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสามารถดำรงตำแหน่งได้ครบวาระหรือมีแนวโน้มจะสามารถดำรงต่อไปได้อีกสมัยหรือไม่ ซึ่งหากมีสัญญาณชัดเจนเมื่อไหร่ก็ตาม บรรดาประเทศเหล่านี้ก็จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกัน ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาความขัดแย้งด้านการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน การเจรจากับเกาหลีเหนือ แนวโน้มที่รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรเพิ่มเติม และความขัดแย้งทางการค้าตั้งแต่

และประเด็นสุดท้ายคือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้มีอำนาจทั่วโลก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชี้วัดนายทรัมป์จะสามารถคงอยู่ในตำแหน่งต่ออีก 2 ปีได้หรือไม่ แต่จะเป็นการชี้วัดว่ามุมมองทางการเมืองในแบบของเขาจะสามารถคงอยู่ในอำนาจได้หรือไม่

ยกตัวอย่างเช่น นโยบาย "American First" ของนายทรัมป์ เป็นการทำให้บรรดาผู้มีมุมมองแบบเดียวกับเขาในประเทศอื่นๆ สามารถมีเสียงได้มากขึ้น เช่น ในทวีปยุโรปที่เริ่มมีกระแสของการกีดกันทางการอพยพระหว่างประเทศให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงนโยบายต่อต้านการคอรัปชั่นในภูมิภาคลาตินอเมริกา ซึ่งทั้ง 2 ทวีปต่างอ้างว่าได้รับแรงบัลดาลใจมาจากมุมมองของนายทรัมป์

ที่มา: CNBC