• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561

    5 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและค่าเงินยูโรในคืนวันศุกร์ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายปานกลาง จากความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนอาจไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ จึงลดปริมาณความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงการหนุนอุปสงค์ในสินทรัพย์ปลอดภัย


หลังนายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังไม่ได้มีการร้องขอให้ทางทีมบริหารมีการร่างข้อตกลงกาค้ากับจีน ซึ่งสวนทางกับรายงานของ Bloombergที่บอกว่า นายทรัมป์มีการเรียกร้องให้ทางทีมงานร่างข้อตกลงความน่าจะเป็น


อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีแรงสนับสนุนจากข้อมูลแรงงานที่ออกมาดีขึ้นเกินคาด และทำให้ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามา 0.25% ที่ระดับ 96.519 จุด และในวันพุธที่ผ่านมาดัชนีดอลลาร์ก็ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 16 เดือน


ด้านค่าเงินหยวนแข็งค่ากลับลงมาที่ 6.8928 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 24 ก.ย. ที่ 6.8525 หยวน/ดอลลาร์


·         ผลประกาศข้อมูลแรงงานสหรัฐฯพบว่า การจ้างงานมีการขยายตัวได้เกินคาดแตะระดับ 250,000 ตำแหน่ง ทางด้านอัตราว่างงานทรงตัวที่ 3.7% โดยยังเป็นระดับต่ำสุดรอบ 49 ปี จากการที่ประชาชนมีการเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ประมาณ 711,000 ราย จึงยังบ่งชี้ถึงสัญญาณความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งในตลาดแรงงาน ขณะที่ค่าแรงปรับขึ้นแตะระดับรายปีมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 9 ปีครึ่ง จึงยิ่งย้ำความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.นี้

สำหรับอัตราค่าแรงเฉลี่ยรายชั่วโมงปรับขึ้น 5 เซนต์ คิดเป็น 0.2ในเดือน ต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาได้กว่า 3% ในเดือนก.ย. จึงยังสนับสนุนให้ภาพรวมรายปีของค่าแรงปรับตัวขึ้นได้แตะ 3.1% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวที่มากที่สุดนับตั้งแต่เม.ย. ปี 2009 จากระดับ 2.8ในเดือนก.ย.

·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีน เผยว่า ทางการจีนมีความตั้งใจจะแก้ไขปัญหาทางการค้ากับทางสหรัฐฯ ตลอดจนความน่าเชื่อถือทางการเจรจา และจีนจะทำการสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์และเสถียรภาพร่วมกันระหว่างสหรัฐฯและจีนอีกด้วย

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขามีแนวโน้มจะสร้างข้อตกลงทางการค้ากับจีน เพื่อหาความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาข้อแตกต่างระหว่างสองประเทศ แต่เขาก็ยังคงกล่าวเตือนว่าแผนการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้นก็ยังคงมีอยู่


พร้อมกันนี้เปิดเผยว่า การพูดคุยกับทางประธานาธิบดีจีนเป็นไปด้วยดีและดูจีนค่อนข้างจะต้องการสร้างข้อตกลงร่วมกัน

·          กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ในภาคอุตสาหกรรมการเงินสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาให้ความสนใจกับความพยายามของพรรคเดโมแครตว่าจะสามารถควบคุมคะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯได้หรือไม่ หลังจากเลือกตั้งคองเกรสในสัปดาห์หน้า

การเลือกตั้งสภาคองเกรสในวันที่ 6 พ.ย. นี้ หากผลที่ออกมา นางแม็กซีน วอเตอร์ส ผู้แทนพรรค ที่เป็นนักวิจารณ์ภาคธนาคารหัวรุนแรงได้ตำแหน่งคณะกรรมาธิการกำกับดูแลการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯเป็นคนต่อไป ก็อาจมีบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงินและควบคุมดูแลภาคธนาคาร ซึ่งเธอมีเป้าหมายจะหาทางแก้ไขปัญหาผลประโยชน์ของแรงงานชาวอเมริกาและภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง


ดังนั้น หากเดโมแครตคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯตามคาดได้ ก็มีโอกาสเห็นประชาชนและกลุ่มอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิผลมากขึ้น


·         รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯจากเฟดสาขาแอตแลนต้า ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.9% ในไตรมาสที่ 4 จากข้อมูลดุลการค้าและการจ้างงานภายในประเทศล่าสุด แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังปรับตัวลดลงน้อยกว่าประมาณการณ์ในวันพฤหัสบดีที่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเติบโตได้ 3.0%

·         รายงานคาดการณ์จากเฟดสาขานิวยอร์ก เผย เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.61% ในไตรมาสที่ 4 ตามการจ้างงานสหรัฐฯ, กิจกรรมทางการค้า และภาคธุรกิจ ซึ่งข้อมูลล่าสุดดูจะขยายตัวได้มากกว่าข้อมูลเดิมในวันพฤหัสบดีที่มองว่าจะขยายตัวได้ 2.55%

·         บริษัทสินค้าเพื่อกลุ่มผู้บริโภคยังคงตอกย้ำทิศทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯจากราคาสินค้าของสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงมากขึ้นในทุกสินค้าและของชำหลังจากที่หลายปีที่ผ่านมาราคาสินค้าอยู่ในระดับสูง แต่การปรับลงมายิ่งทำให้เกิดความน่าสนใจแก่กลุ่มผู้ซื้อ

·         รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของทางคณะกรรมาธิการยุโรปที่ยังรวมประเทศอังกฤษในขณะนี้ พบว่า ข้อมูลในวันที่ 30 ต.ค.โดยในไตรมาสที่ 3 พบว่า คาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวลดลงมาที่ 0.2% โดยลดลงเกินกว่าครึ่งของไตรมาสที่ 2 ที่ขยายตัวได้ 0.4% ซึ่งอัตราล่าสุดถือเป็นการขยายตัวที่ชะลอตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี

·         ราคาน้ำมันดิบปิดลงประมาณ 1% โดยภาพรวมรายสัปดาห์ราคาปรับตัวลงไปกว่า 6จากกลุ่มนักลงทุนที่วิตกกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมัน หลังจากที่ทางสหรัฐฯจะฟื้นมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันดิบอิหร่านและตัดออกจากเครือข่ายการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

·         นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่จะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 พ.ย. นี้เป็นต้นไป โดยจะถือเป็นการกลับมากดดันทางเศรษฐกิจ "อย่างเต็มรูปแบบ" เนื่องจากจะมีผลต่อระบบธุรกรรมและอุตสาหกรรมพลังงานของอิหร่านด้วย เพื่อ "สร้างความสูญเสีย" ให้กับเส้นทางการสร้างรายได้ของอิหร่าน ที่ใช้ในการบ่อนทำลายเสถียรภาพด้านความมั่นคงทั่วโลก แต่ก็อาจมีการละเว้นให้ผู้ซื้อรายใหญ่ยังสามารถนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านได้ หลังจากที่มาตรการคว่ำบาตรมีผลบังคับใช้


·         น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ระดับ 72.83 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 55 เซนต์ ที่ระดับ 63.14 เหรียญ/บาร์เรล  คิดเป็น -0.86%


ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์น้ำมันดิบทั้ง 2 ประเภทปรับลดลงไปกว่า 15เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนต.ค. จากความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรอิหร่านที่อาจเป็นอุปสรรคต่อภาวะอุปทานน้ำมันตลาดโลก


·         กองทัพสหรัฐฯและเกาหลีใต้จะกลับซ้อมรบร่วมกันอีกครั้งภายในวันจันทร์นี้ แต่จะเป็นเพียงการซ้อมรบขนาดเล็กเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความไม่พึงพอใจให้กับเกาหลีเหนือ ก่อนหน้าที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ จะเดินทางมายังเกาหลีเหนือเพื่อเจรจากับตัวแทนเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคีลยร์และการพบกันอีกครั้งระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com