• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561

    1 พฤศจิกายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ทำระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 16 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งต่อเนื่อง

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.08% ที่ระดับ 97.09 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2017

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง 0.24% และในเดือนที่ผ่านมาภาพรวมอ่อนค่าลงไปแล้วประมาณ 2.5% ซึ่งเป็นการร่วงลงรายเดือนมากที่สุดในช่วง 5 เดือน และเช้านี้ทรงตัวที่ 1.13343 ดอลลาร์/ยูโร

• ADP เปิดเผย รายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดที่ 227,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ปีนี้ และเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถูกปรับทบทวนลงไปที่ 218,000 ตำแหน่ง

• นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจระดับสูงของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีแผนจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนนั้น ยังไม่มีการกำหนดอะไรในตอนนี้ ก่อนที่จะเกิดความเป็นไปได้ในการเจรจาร่วมกันระหว่างนายทรัมป์ กับนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีนในการประชุม G20 เดือนหน้า

ทั้งนี้ สหรัฐฯและจีนดูจะมีความตึงเครียดทางการค้าเพิ่มขึ้น และยิ่งเพิ่มความกังวลไปทั่วว่าอาจสร้างผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มที่มูลค่า 2.67 แสนล้านเหรียญ หากการพบกันระหว่างสองผู้นำยังคงไม่ลงรอยกันในการเจรจาทางการค้า

• พรรครีพับลิกันแห่งสหรัฐฯ ได้กล่าวว่าจะมีการดำเนินงาน “อย่างรวดเร็ว” ภายในปีหน้า เกี่ยวกับนโยบายปรับลดภาษี 10% สำหรับชนชั้นกลาง เพื่อเป็นการรักษาคะแนนความนิยมในตัวพรรครีพับลิกันก่อนจะเข้าสู่การเลือกตั้งกลางวาระในวันที่ 6 พ.ย. นี้

โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เคยกล่าวเมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ว่าเขาต้องให้นโยบายปรับลดภาษีเป็นประโยชน์ต่อชนชั้นกลางอย่างแท้จริง เพราะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาว่านโยบายปรับลดภาษีที่ผ่านการลงมติในปี 2017 เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้มีฐานะร่ำรวยหรือภาคบริษัทมากกว่า

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า ปริมาณอุปทานน้ำมันและสินค้าปิโตรเลียมในตลาดโลกมีปริมาณเพียงพอต่อการใช้งาน แม้คำสั่งคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านกำลังจะมีผลบังคับใช้ก็ตาม

โดยนายทรัมป์ได้เขียนข้อความดังกล่าวลงบันทึกประธานาธิบดีที่ส่งมอบให้กับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ก่อนหน้าที่นโยบายคว่ำบาตรอิหร่านจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 พ.ย. นี้

• สำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้ระบุว่า ทางเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการเปิดสถานที่พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศสามารถเข้าตรวจสอบได้ในเร็วๆนี้

ขณะที่ทางสหรัฐฯ แม้จะยังไม่ได้ให้การรับรองว่าจะเข้าร่วมการตรวจสอบ แต่ทางนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ได้กล่าวว่า ในการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือสัปดาห์หน้า เขาจะมีการเจรจาเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและการเข้าตรวจสอบสถานที่พัฒนาขีปนาวุธ ซึ่งทางฝั่งนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เคยรับปากว่าจะยินยอมให้ตัวแทนจากสหรัฐฯ สามารถเข้าตรวจสถานที่พัฒนาขีปนาวุธสำคัญ 2 แห่งได้

• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไอร์แลนด์ กล่าวว่า ข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษออกจากอียูมีความเป็นไปได้ที่จะแล้วเสร็จในวันที่ 21 พ.ย. แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาของคณะผู้แทนอังกฤษในความพยายามหาทางให้บรรลุผล

ขณะที่นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มีการเข้าพบกับกลุ่มผู้นำภาคธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นใจต่อความคืบหน้าในการเจรจา Brexit แม้ว่าจะมีความกังวลว่าการออกจากอียูของอังกฤษอาจเป็นไปโดยปราศจากข้อตกลงใดๆก็ตาม

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงทำระดับรายเดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2016 ท่ามกลางหลักฐานบ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก แต่การปรับตัวลงเมื่อวานนี้ก็เป็นไปอย่างจำกัดจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์พลังงานสหรัฐฯ

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดลง 91 เซนต์ ปิดที่ระดับ 75.04 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 87 เซนต์ ที่ 65.31 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมราคาน้ำมันดิบทั้งสองประเภทร่วงลงมาแล้วกว่า 10 เหรียญ นับตั้งแต่ที่ไปทำระดับสูงสุดรอบ 4 ปี เมื่อ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา

ภาพรวมในเดือนต.ค. ถือเป็นระดับการร่วงลงของราคาน้ำมันที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ก.ค. ปี 2016 โดยน้ำมันดิบ Brent ลดลง 8.8% ขณะที่ WTI ลดลงกว่า 10.9% ในเดือนนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com