• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 ตุลาคม 2561

    24 ตุลาคม 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 95.961 จุด หลังจากที่ไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 96.15 จุดเมื่อวานนี้ ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวที่ 112.41 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้แถว 112.7 เยน/ดอลลาร์

• คณะกรรมาธิการอียูปฏิเสธแผนร่างงบประมาณปี 2019 โดยระบุว่า ขัดต่อหลักเกณฑ์ของทางอียูสำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายสาธารณะ พร้อมเรียกร้องให้ทางอิตาลีจัดทำฉบับใหม่ภายใน 3 สัปดาห์ หรือจะเลือกเผชิญหน้ากับการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ

• ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.5% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์และยูโร หลังจากที่มีรายงานจาก RTE News ซึ่งเป็นสื่อของทางไอร์แลนด์ที่ว่า ทางอียูอาจเสนอให้อังกฤษอยู่ในเงื่อนไขสหภาพศุลกากรได้ ขณะที่รายงานจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า ผู้แทนเจรจาของอียูกำลังหาวิธีเพื่อให้อังกฤษสามารถทำข้อตกลงทางการค้าได้

ค่าเงินปอนด์อังกฤษปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 1.30 ดอลลาร์/ปอนด์ ไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดหลังทราบรายงานดังกล่าวที่ 1.3044 ดอลลาร์/ปอนด์ หรือปรับขึ้นกว่า 0.6%

• นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวกับรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ข้อตกลง Brexit กับทางอียูมีแนวโน้มสำเร็จ 95% และเธอได้เรียกร้องให้บรรดาส.ส. ให้การสนับสนุนเธอเป็นเป็นก้าวสุดท้ายในการที่อังกฤษจะออกจากอียูโดยสมบูรณ์

• รายงานจากรอยเตอร์ส อ้างอิงความคิดเห็นสมาชิกเฟดบางส่วน โดยระบุว่า แรงเทขายในตลาดหุ้นกว่าช่วงสามสัปดาห์อาจเป็นสัญญาณความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับการกระตุ้นทางการเงินเกี่ยวกับการปรับลดภาษีสหรัฐฯและค่าใช้จ่ายของรัฐบาลที่อาจจางลงจากตลาดเร็วกว่าที่คาด และอาจทำให้เฟดต้องยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้

โดยขณะนี้ ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงไปแล้วกว่า 7% โดยร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดแถวช่วงเดือนก.ค. แต่ก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.นี้ได้

ขณะที่แรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดมาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นภาษีสินค้าและผลประกอบการภาคบริษัทสหรัฐฯที่มีการดำเนินธุรกิจในจีนที่อาจทำให้เฟดต้องกลับมาพิจารณาแผนการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าและปี 2020 ได้

• Wall Street Journal รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการตำหนิประธานเฟดโดยตรงถึงการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

• นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯจะถอนตัวออกจากข้อตกลงด้านการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ ภายหลังจากการร่วมประชุมกับนายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากรัสเซียและบรรดาประเทศในยุโรป

• เรือรบสัญชาติสหรัฐฯจำนวน 2 ลำได้เคลื่อนที่ผ่านช่องแคบในทะเลไต้หวันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเคลื่อนพลผ่านพื้นที่ดังกล่าวครั้งที่ 2 สำหรับปีนี้ ท่ามกลางความไม่พึงพอใจจากประเทศจีนและอาจสร้างความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนให้เลวร้ายลงได้ เนื่องจากเปรียบเสมือนว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯให้การสนับสนุนไต้หวันซึ่งกำลังมีความขัดแย้งด้านการปกครองตนเองกับประเทศจีน

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียดำเนินการปกปิดคดีฆาตกรรมนายจามาล คาช็อคกี้ ได้อย่าง “ย่ำแย่ที่สุด” ขณะที่สหรัฐฯเตรียมยกเลิกวีซ่าสำหรับบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

• รายงานจากสำนักงานตรวจสอบแห่งอังกฤษ ได้เตือนถึงความเสี่ยงที่บรรดาผู้ประกอบการจะได้รับความเสียหาย หากการเจรจาด้านชายแดนระหว่างไอร์แลนด์ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะทำให้การเจรจา Brexit กับอียูจบลงแบบ No-deal ขณะที่บรรดาอาชญากรอาจฉวยโอกาสจากช่องว่างของชายแดนได้

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า เหลือเวลาไม่เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพในการเจรจา Brexit เนื่องจากอังกฤษเหลือเวลาเพียง 5 เดือนก่อนที่จะถอนตัวออกจากอียูอย่างเป็นทางการหรือในวันที่ 29 มี.ค. ปีหน้า

• ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลงประมาณ 5% ทำระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือนจากแรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ส่งผลให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเติบโตของอุปสงค์น้ำมัน หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียอาจทำมีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นหากจำเป็น เพื่อผ่อนคลายความกังวลที่สหรัฐฯจะใช้บทลงโทษการคว่ำบาตรต่อทางอิหร่าน

น้ำมันดิบ Brent ปิดลง -4.3% หรือ 3.39 เหรียญ ที่ระดับ 76.44 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 5% ทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 7 ก.ย. บริเวณ 75.88 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิดลง 2.93 เหรียญ ที่ระดับ 66.43 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ระหว่างวันร่วงลงกว่า5.2% ทำระดับต่ำสุดที่ 65.74 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่20 ส.ค. และหากราคาน้ำมันดิบร่วงลงหลุดต่ำกว่าระดับสำคัญทางจิตวิทยาที่ 65 เหรียญ/บาร์เรล ก็มีโอกาสกระตุ้นให้ยิ่งเกิดแรงเทขายต่อเนื่องตามมาได้ 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com