• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 ตุลาคม 2561

    2 ตุลาคม 2561 | Economic News
·         ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 95.322 จุด เคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 95.373 จุด

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน 0.06% ที่บริเวณ 113.92 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่มากขึ้นหลังสหรัฐฯ-แคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ได้

ด้านค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.06% บริเวณ 1.1573 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในอิตาลี
·         ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีระดับการซื้อขายในแดนลบท่ามกลางความกังวลเรื่องปัญหาการเงินในอิตาลีที่อาจทำให้สถาบันจัดอันดับมีการหั่นอันดับความน่าเชื่อถือลงได้ ขณะที่ความกังวลดังกล่าวได้ทำให้ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ลงไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1.1564 ดอลลาร์/ยูโร และปัจจุบันมีการซื้อขายทรงตัวแถว 1.1570 ดอลลาร์/ยูโร

นักวิเคราะห์จาก FXStreet มองว่า ภาพระดับวันของค่าเงินยูโรมีโอกาสปรับตัวลงต่อมาได้ และมีสภาวะการปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัดจากแรงเทขายที่เข้ามาจากราคาที่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 SMA และ 20SMAโดยปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 100 SMA ซึ่งภาพทางเทคนิคของราคากลับเป็นขาลงมาโดยมีแนวรับสำคัญที่ 1.1500 และ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร

·         ความเชื่อมั่นที่จะเห็นเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องยังคงเป็นปัจจัยหลักที่เข้ากดดันราคาทองคำ โดยกลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจไปยังสัญญาณชี้นำของเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ถึงกลยุทธ์และกรอบเวลาในการดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงิน ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจของเฟดดูจะเป็นตัวบังคับให้เฟดดำเนินการคุมเข้มต่อไป และทองคำก็มีแนวโน้มจะเป็นเทรนขาลงในช่วงไตรมาสที่ 4/2018

เมื่อพิจารณาทิศทางทองคำตั้งแต่ช่วงก.ค.ปี 2018 จะเห็นได้ถึงการปรับตัวลงของราคาทองคำและมาแกว่งตัวแถว 1,200 เหรียญ อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงไม่สามารถกลับเหนือ 1,300เหรียญได้ โดยกรอบแนวต้านหลักด้านบนของทองคำอยู่ที่ 1,357-1,375 เหรียญ และการที่ทองคำยังกลับไปแนวนั้นไม่ได้จึงทำให้ความเชื่อมั่นตลาดเป็นขาลง

·         ทางการเกาหลีเหนือระบุว่า การประกาศให้สงครามเกาหลีปี 1950-53 สิ้นสุดลง จะไม่สามารถนำมาใช้ต่อรองแลกกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือได้ หากสหรัฐฯไม่มีความตั้งใจที่จะยุติสงครามจริง

·         รายงานจาก CNBC ระบุว่า กรีซอาจเริ่มต้นหาทางต่อสู้กับบรรดาเจ้าหนี้และตลาดการเงินอีกครั้ง หลังรัฐบาลมีการเปิดเผยรายละเอียดร่างฉบับแรกของแผนงบประมาณปี 2019 ที่มีสองส่วนสำคัญคือเรื่องแผนค่าใช้จ่าย และเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปีหน้า และหนึ่งในแผนสำคัญของกรีซจะมีการรวมถึงการแก้กฎหมายปรับลดเบี้ยบำนาญซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาเจ้าหนี้กรีซมีการคาดการณ์กันไว้

ทั้งนี้ หากแผนงบประมาณค่าใช้จ่ายไม่รวมถึงเรื่องการปรับลดเบี้ยบำนาญ ก็อาจเห็นความตั้งใจของรัฐบาลกรีซในเรื่องการเปลี่ยนแปลงแนวทางการปฏิรูปตามที่ได้ตกลงกับทางบรรดาเจ้าหนี้

อย่างไรก็ดี แผนการปรับลดเบี้ยบำนาญได้เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับการปฏิรูปข้อตกลง และมีความเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อเบี้ยบำนาญ หรือการปฏิรูปอื่นๆอาจจุดประกายให้กรีซเผชิญกับสถาบันการเงินในยุโรปและไอเอ็มเอฟได้อีกครั้ง โดยในเดือนที่แล้วทางไอเอ็มเอฟได้ระบุว่า การปรับลดเบี้ยบำนาญปี 2019 ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบของการปฏิรูปที่ทางรัฐบาลกรีซเห็นพ้อง และทางกรีซเองต้องทำให้เห็นถึงความเป็นพันธมิตรของนักลงทุนมากที่สุด

·         ขณะที่ทีมบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯดูจะได้รับชัยชนะในการสร้างข้อตกลงทางการค้าครั้งใหม่กับแคนาดาและเม็กซิโก แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนยังคงมีความตึงเครียดระหว่างกันอยู่

ล่าสุดมีสัญญาณความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ นายเจมส์ แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมถูกยกเลิกการเดินทางเยือนจีนที่มีกำหนดการในเดือนนี้

อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงกลาโหมไม่ได้ให้รายละเอียดกับการเดินทางของนายแมททิสว่าทำไมต้องไปเยือนจีนในช่วงกลางเดือนนี้ แต่การยกเลิกการเดินทางดังกล่าวน่าจะมาจากเหตุที่สหรัฐฯถูกปฏิเสธมิให้นำเรือรบ USS Wasp จอดเทียบท่าเรือฮ่องกงอันเป็นคำสั่งจากเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงของจีน

·         Ayako Sera นักเศรษฐศาสตร์จาก Sumitomo Mitsui Trust Bank ระบุว่า บรรดาตัวแทนการค้าของสหรัฐฯต่างให้ความสำคัญไปยังการเจรจาสัญญา NAFTA กับแคนาดาเป็นหลัก และการเจรจาก็ได้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้น สหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าเจรจาการค้ากับญี่ปุ่นเป็นอันดับต่อไป โดยที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ตกลงกันเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่าทั้ง 2 ประเทศจะเริ่มต้นการเจรจาทางการค้าขึ้นใหม่

·         ในวันนี้มีรายงานว่า จีนแสดงความไม่พอใจหลังจากที่กองเรือพิฆาตของสหรัฐฯมีการเดินเรือใกล้หมู่เกาะในจีนที่มีข้อพิพาทบริเวณทะเลจีนใต้ โดยจีนกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงการต่อต้านและถือเป็นการคุกคามอธิปไตยของจีน

·         นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกำลังเตรียมข้อเสนอฉบับใหม่แก่ทางอียูเพื่อให้เปิดทางเจรจา Brexit โดยเธอยังระบุว่า แผนดังกล่าวยังคงมุ่งไปที่ภาคแรงงานในระยะยาว และเรียกร้องให้พรรคของเธอเข้าร่วมกันเพื่อผลักดันแผนของเธอสำหรับ Brexit

·         ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่บริเวณ 75.90 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2014 และปรับตัวสูงขึ้นกว่า 18% ตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดิบBrent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 85.28 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 85.45 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ท่ามกลางตลาดที่เตรียมรับมือกับอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com