• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2561

    1 ตุลาคม 2561 | Economic News
·       ค่าเงินแคนาดาดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางนักลงทุนที่เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากสหรัฐฯและแคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA

ประเด็นความตึงเครียดทางการค้าจุดสั่นคลอนตลาดค่าเงินตั้งแต่เดือนเม.ย. อันจะเห็นได้จากค่าเงินดอลลาร์ที่ปรับแข็งค่าขึ้น ขณะที่สกุลเงินประเทศอื่นๆที่เป็นประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯมีการปรับอ่อนค่าลง ตั้งแต่เกาหลีใต้จนถึงเม็กซิโก

·       ดัชนีดอลลาร์ภาพรวมทรงตัวที่ 95.32 จุด โดยยังเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 10 ก.ย. บริเวณ 95.38 จุด ซึ่งเป็น High ที่ทำไว้ในคืนวันศุกร์

ความเชื่อมั่นในตลาดยุโรปยังคงชะลอตัวมากขึ้น หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีพุ่งขึ้นในช่วงเปิดตลาด หลังมีรายงานว่า คณะกรรมาธิการอียูปฏิเสธแผนงบประมาณอิตาลีที่จะมีขึ้นในเดือนพ.ย. และจะมีการเผยกระบวนการเมื่อเทียบกับยอดงบดุลของประเทศอื่นๆในเดือนก.พ. โดยค่าเงินยูโรร่วงลง 0.25% ที่ระดับ 1.15775 ดอลลาร์/ยูโร

·       นักเศรษฐศาสตร์จาก J.P. Morgan ระบุว่า หากสหรัฐฯยังเดินหน้าขึ้นภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากจีน ก็จะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศอาจลดลงอีก 0.2% ในช่วงสิ้นปี 2019 ได้ ขณะที่ Core Inflation หรือเงินเฟ้อในประเทศอาจขยับขึ้นประมาณ 0.2-0.3%

และการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลต้องปรับลดช่องว่างของงบประมาณระหว่าง 9 แสนล้านเหรียญ - 1 ล้านล้านเหรียญ ของงบปี 2019ได้

ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจอาจอยู่ที่ระดับ 5.44 แสนล้านเหรียญของมูลค่าสินค้าที่ผลิตโดยจีน และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจได้มากกว่าที่เราคาดการณ์กันไว้

นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯยังอาจต้องเสียภาษีรวมกว่า หมื่นล้านเหรียญต่อสินค้านำเข้า หรือคิดเป็น 0.2% ของมูลค่า 20 ล้านล้านเหรียญของจีดีพีในประเท

·       Peter Boockvar หัวหน้าฝ่ายการลงทุนประจำ Bleakley Advisory Group ประเมินว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯในอนาคต

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า อย่างไรก็ตาม กลับมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ระบุว่า เขา ไม่ Happy” กับการขึ้นดอกเบี้ย

ซึ่ง Peter Boockvar ก็ได้กล่าวสนับสนุนแนวคิดของนายทรัมป์  โดยชี้ให้เห็นว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนๆ ทั้งหมด 13 วัฏจักร มีวัฎจักรที่จบลงด้วยการที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยถึง 10วัฏจักร

ขณะที่ในปัจจุบัน เรากำลังถลำลึกเข้าไปในช่วงปลายวัฏจักรของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่วนใหญ่เราจะสนใจไปที่อัตราดอกเบี้ยดอกเบี้ยเพียงเท่านั้น โดยเรามักจะลืมพิจาณาถึงงบดุล ที่เฟดกำลังพยายามปรับลดอยู่เบื้องหลัง” Peter Boockvar กล่าว

·       Andy Xie อดีตนักเศรษฐศาสตร์ประจำ Morgan Stanley คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่ค่าเงินหยวนจะปรับอ่อนค่าลงอีก 10% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หากสหรัฐฯประกาศขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 25% ในปลายปีนี้

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า "ความผันผวนของค่าเงินสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันในเศรษฐกิจ และการที่เศรษฐกิจจีนอยู่ภายใต้นโยบายขึ้นภาษีจากสหรัฐฯ การปรับฐานของค่าเงินจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้"

·       นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการลงนามขยายร่างงบประมาณจำนวนมากให้แก่กระทรวงกลาโหม และเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะการ Shutdown ในภาครัฐบาลออกไปจนถึงเดือนธ.ค.

โดยร่างงบดังกล่าวประกอบไปด้วยงบสำหรับกระทรวงกลาโหมจำนวน 6.75 แสนล้านเหรียญจนถึง 30 ก.ย. ปี 2019 พร้อมมีการเพิ่มงบประมาณทางทหารสำหรับสงครามในอัฟกานิสถานและที่อื่นๆ ขณะที่ภาคแรงงานกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการศึกษาจะมีงบประมาณที่ 1.8 แสนล้านเหรียญ

อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวนี้มีขึ้นเพื่อให้หน่วยงานของรัฐฯยังคงเปิดทำการได้จนถึง ธ.ค.  แม้ว่าทางสภาคองเกรสจะยังไม่ผ่านร่างกฎหมายฉบับเต็มที่จะครอบคลุมทุกหน่วยงานก็ตาม

·       เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯ เผยว่า ทางการจีนยกเลิกการประชุมด้านความมั่นคงกับ นายจิม แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯที่แผนจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

·       กิจกรรมภาคโรงงานในเอเชียประจำเดือนก.ย.ที่ผ่านมา อ่อนแอลงท่ามกลางประเทศเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าได้รับผลกระทบจากการส่งออก จึงส่งสัญญาณว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้นในความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

·       ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% ที่ระดับ 83.09 เหรียญ/บาร์เรล ทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2014 ก่อนหน้าการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนพ.ย.นี้

ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับเพิ่มขึ้น 0.3% ที่ระดับ 73.44 เหรียญ/บาร์เรล

·       สัญญาณของตลาดการเงินตอบรับกับการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน โดยบรรดาเฮดจ์ฟันด์มีการเพิ่มการถือครองสถานะ Long ในตลาดเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ย. โดย CFTCรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบและออฟชันในตลาดนิวยอร์กและลอนดอนเพิ่มขึ้น 3,728 คู่สัญญา สู่ระดับ 346,566 คู่สัญญา

โดยสัญญาณดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากข่าวการที่สหรัฐฯจะทำการคว่ำบาตรอิหร่าน ขณะที่บริษัท Sinopce ของจีน ระบุว่า อาจมีการลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านในเดือนนี้ ซึ่งจีนถือได้ว่าเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่จากอิหร่าน

นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก NBD Bank ระบุว่า หากกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันในจีนยอมทำตามสหรัฐฯในเรื่องคว่ำบาตรอิหร่านตามคาด เมื่อนั้นสภาวะสมดุลของตลาดก็มีแนวโน้มจะตึงตัวเพิ่มมากขึ้นได้

·       ANZ Bank กล่าวว่า ตลาดน้ำมันอาจมีราคาพุ่งสูงขึ้น 100 เหรียญ/บาร์เรล ได้

·       ตลาดซื้อขายน้ำมันในจีนมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงไปท่ามกลางวันหยุดยาวของจีนสัปดาห์นี้ในเทศกาล Golden Week
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com