• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2561

    1 ตุลาคม 2561 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เพราะได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับงบประมาณของอิตาลี และแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่สะท้อนถึงโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกหลายครั้งจนถึงปี 2020


ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 9 เดือน และในช่วงไตรมาสที่ 3 ยังคงถือเป็น 2 ไตรมาสติดที่เห็นค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นได้อีก 0.7และในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นมาแล้วเกือบ 6%


ดัชนีดอลลาร์กลับขึ้นมาเหนือ 95 จุดอีกครั้ง โดยวันศุกร์ปรับขึ้นมา 0.4% ที่ระดับ 95.302 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าไป 113.63 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 9 เดือน ก่อนที่ภาพรวมจะปิดตลาดที่ 113.51 เยน/ดอลลาร์


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำกว่า 1.16 ดอลลาร์/ยูโร เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีอนุมัติงบประมาณที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าจะเห็นยอดขาดดุลจำนวนที่มากขึ้น


นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังถูกดันทำระดับอ่อนค่ารายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเกือบ 2 เดือน จากความพยายามต่อสู้กับนโยบายทางการเงินของอิตาลี ขณะที่ตลาดการเงินส่วนใหญ่ กังวลว่า แผนค่าใช้จ่ายขอรัฐบาลอิตาลีจะยิ่งไปหนุนระดับหนี้ของอิตาลี เกือบ 131ของจีดีพีได้ ซึ่งจะถือเป็นประเทศที่มีระดับหนี้สูงสุดเป็นลำดับที่สองรองงจากกรีซ


อย่างไรก็ดี รัฐบาลอีตาลีมียอดขาดดุลระดับเป้าหมายที่ 2.4ของจีดีพี เพื่อให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขเพดานที่อียูกำหนดไว้ที่ 3%

·         รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอิตาลี กล่าวว่า ภาคการลงทุนจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอิตาลีในอีก 2 ปี ขณะที่ระดับหนี้สินจะปรับตัวลงแม้ว่ายอดขาดดุลจะมีสัญญาณปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม

·         ข้อมูลการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯมีการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. จึงยิ่งหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 แม้ว่ามาตรวัดเงินเฟ้อจะยังคงเคลื่อนไหวแถวระดับ 2% ในช่วง 4 เดือน ซึ่งเป็นระดับเป้าที่เฟดกำหนด

·         นาย อังเดรส มานูเอล โลเปส โอบราดอร์ ว่าที่ประธานาธิบดีเม็กซิโก (President-elect) กล่าวว่า ยังคงมีเวลาที่แคนาดาจะเข้าร่วมกับข้อตกลง NAFTA ฉบับปรับปรุงแล้วระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก

·         รายงานล่าสุดเมื่อวานนี้ แสดงให้เห็นว่า การหารือข้อตกลง NAFTA ฉบับแก้ไขระหว่างสหรัฐฯและแคนาดามีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาระหว่างกันอยู่ในเรื่องของการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากทางสหรัฐฯ และการเข้าถึงตลาดนมสดของแคนาดา ขณะทีผู้แทนทางการค้าสหรัฐฯ อย่าง นายโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ และที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวอย่าง นายจาเร็ด คุชเนอร์ ก็มีแผนจะสรุปให้แก่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯถึงความคืบหน้าล่าสุดในการเจรจาร่วมกับทางแคนาดา

·         นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวเรียกร้องพรรคของเธอให้ทำการสนับสนุนแผนการออกจากอียู  แม้ว่าจะมีการแสดงความคิดเห็นโดยตรงว่าความปรารถนาของพวกเขานั้นต้องการข้อตกลงการค้าเสรีซึ่งเป็นหัวใจหลักของข้อเสนอ Brexit

·         รัฐมนตรีกระทรวง Brexit แห่งอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษมีความตั้งใจที่จะทำการประนีประนอมกับทางอียูในการออกจากอังกฤษโดยไม่ได้ต้องการปราศจากข้อจำกัดใดๆ และการออกโดยปราศจากข้อตกลงถือเป็นอีกหนึ่งในทางเลือก


·         นายจาค็อบ รี-ม็อกก์ ประธานสมาชิกนิติบัญญัติของอียู คาดว่า ไม่ว่าจะเป็นทางสภาอังกฤษ หรืออียูก็จะยังไม่ยอมรับข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และอาจเกิดการออกจากอียูโดยปราศจากเงื่อนไข


·         สมาชิกบอร์ดบริหารของอีซีบี กล่าวกับสำนักข่าวของเยอรมนี โดยระบุว่า อีซีบีมีการคาดว่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบันในช่วงฤดูร้อนปีหน้า และจะค่อยๆถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป

·         ภาคการผลิตของจีนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ภายในและภายนอกประเทศที่อ่อนตัวลงในเดือนก.ย. จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันแก่สมาชิกผู้กำหนดนโยบายการเงินของจีน ท่ามกลางการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจจีน

ผลสำรวจดัชนี PMI จากรัฐบาลจีนพบว่าข้อมูลภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ  50.8 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 51.3 จุดในเดือนก่อนหน้า  


ขณะที่ผลสำรวจภาคเอกชนหรือ Caixin พบว่าปรับตัวลงมากกว่าที่คาดไว้สู่ระดับ 50 จุด จากเดิม 50.6 จุดในเดือนก่อนหน้า

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังซาอุดิอาระเบีย เผยว่า รัฐบาลมีการตั้งเป้าหมายเพิ่มค่าใช้จ่ายอีกกว่า 7% ในปีหน้า เพื่อสนับสนุนการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และจะมีการปรับลดยอดขาดดุลอย่างค่อยเป็นค่อยไป

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ  แสดงความพึงพอใจต่อการแลกเปลี่ยนจดหมายกับทางผู้นำเกาหลีเหนือ และมีการประกาศจะดำเนินการร่วมกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์บริเวณคาบสมุทรเกาหลีเหนือ

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวโจมตีพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตใช้กลยุทธ์โหดเหี้ยมเล่นงานนายเบรตต์ คาวานอห์ ผู้พิพากษา ที่นายทรัมป์เสนอชื่อขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา พร้อมกล่าวเรียกร้องให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันลงมติสนับสนุนนายคาวานอห์เดือน พ.ย.นี้ ขณะที่สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ อยู่ระหว่างสอบปากคำ น.ส.เดบบราห์ รามิเรซ สาวรายที่สอง ซึ่งกล่าวหาถูกนายคาวานอห์ลวนลามทางเพศ สมัยยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเยล.

·         น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้นได้กว่า 1% ในคืนวันศุกร์ ขณะที่น้ำมันดิบ Brent  แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี ท่ามกลางการที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรอิหร่าน จึงจะจำกัดยอดส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และส่งผลต่อภาวะอุปทานให้ตึงตัว แม้ว่ากลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่จะมีการเพิ่มกำลังการผลิต

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1 เหรียญ คิดเป็น 82.72 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 10 พ.ย. 2014 บริเวณ 82.87 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ในไตรมาสที่ 3/2018 น้ำมันดิบ Brentปิดปรับขึ้นได้ประมาณ 4%


น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.13 เหรียญ ที่ระดับ 73.25 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันมีการขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 11 ก.ค. บริเวณ 73.73 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้นได้ในเดือนก.ย.ประมาณ 5 แต่ลดลงไปประมาณ 1ในภาพรวมรายไตรมาส


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com