• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 27 กันยายน 2561

    27 กันยายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นท่ามกลางปริมาณการซื้อขายปานกลางหลังจากที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุดตามคาดและนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 8 ของเฟดนับตั้งแต่ที่เริ่มปรับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2015

• นักกลยุทธ์การตลาดโลกอาวุโสจาก BNY Mellon กล่าวว่า ถ้อยแถลงของเฟดในเชิงสิ้นสุดการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และการส่งสัญญาณว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปกติ ถือเป็นประเด็นที่ตลาดให้ความสำคัญ เพราะสะท้อนว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในปีต่อๆมา แม้ว่าจะเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม

• ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้น 0.2% ที่ระดับ 94.287 จุด และก่อนที่เฟดตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย ดัชนีดอลลาร์มีการขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ 94.4 จุด

ขณะที่ถ้อยแถลงของประธานเฟดในเชิงการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นการฟื้นตัวจากที่อ่อนค่าลงไปในปี 2017 ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า เฟดยังคงเชื่อมั่นว่าดอลลาร์ยังมีทิศทางที่แข็งค่า

• ค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นมาทรงตัวที่ 112.67 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ปรับแข็งค่าขึ้นสั้นๆหลังทราบผลประชุมเฟด ก่อนจะย่อตัวกลับลงมาแถว 1.1747 ดอลลาร์/ยูโร หรือภาพรวมปิดตลาด -0.2% โดยนักลงทุนในตลาดบางส่วนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มของค่าเงินยูโรที่จะยังสดใส และนักลงทุนมีการปิดสถานะทำกำไรเมื่อราคามีการรีบาวน์

สรุปประชุมเฟด

เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดอีก 0.25% สู่ระดับ 2.25% พร้อมคงคาดการณ์ที่เฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค. และยังคงแนวทางที่จะทำการขึ้นดอกเบี้ยต่อไป พร้อมคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังแข็งแกร่งและน่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกอย่างน้อย 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2020

นอกจากนี้ เฟดยังกำหนดเป้าหมายค่ากลางของอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.4% โดยค่อยๆปรับขึ้นทีละ 0.25% ซึ่งระดับ 3.4% ดังกล่าวถูกคาดว่าจะทรงตัวตลอดจนปี 2021 ตามเป้าหมายระยะยาวที่กำหนดไว้ที่ระดับ 3%

สำหรับตัวเลขคาดการณ์ดอกเบี้ยระยะสั้นของปีนี้ เฟดตั้งเป้าไว้ที่ 2.38% ขณะที่ปีหน้าอยู่ที่ระดับ 3.13% และปี 2020 อยู่ที่ 3.38% สำหรับในปี 2021 คาดจะอยู่ที่ระดับ 3.38% สำหรับเป้าหมายดอกเบี้ยระยะยาวจะอยู่ที่ 3.0% โดยปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.9%

ในส่วนของ FOMC Economic Projections แสดงให้เห็นว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และมีการประเมินถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้จะเติบโตได้ที่ 3.1% ในปี 2018 โดยปรับเพิ่มจากคาดการณ์ครั้งก่อนในเดือนมิ.ย. ที่อยู่ที่ระดับ 2.8% ขณะที่ปี 2019 ปรับทบทวนขึ้นมา 0.1% สู่ระดับ 2.5% และปี 2020 ยังคงคาดการณ์เดิมไว้ที่ 2% และครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เฟดเปิดเผยข้อมูลประมาณการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2021 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.8%

สำหรับมุมมองต่ออัตราว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 3.7% จากคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ที่อยู่ที่ระดับ 3.6%

นอกจากนี้ เฟดได้คงคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปีนี้ที่ระดับ 2.10% และปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในปีหน้าสู่ระดับ 2.0% จากเดิมที่ระดับ 2.10% และคงตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2020 ที่ระดับ 2.1% และคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2521 ที่ระดับ 2.10% ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 2.0%

· หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Bank of America Merrill Lynch กล่าวว่า การเปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2021 จะเห็นถึงสัญญาณการชะลอตัว และนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสมาชิกเฟดมีการพูดถึง จึงสะท้อนว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในระยะยาวของพวกเขาลดมุมมองความแข็งแกร่งลง

· นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ เชื่อว่า เฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยครั้งละ 0.25% ในปีหน้า และอีก 2 ครั้งในปี 2020 โดยจะมีกรอบของอัตราดอกเบี้ยที่ 4% และ 4.25%

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาไม่พึงพอใจต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมล่าสุดนี้ที่ทำการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยก็อาจเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจก็ตาม เพราะอาจทำให้การชำระหนี้สินลดลงหรือแม้แต่การเพิ่มการจ้างงานในอนาคต

· รายงานจากรอยเตอร์สระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการกล่าวเห็นด้วยกับทาง นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ในการจะเริ่มต้นหารือข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศ

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิแคนาดาที่ยังคงล่าช้าในการเจรจาข้อตกลง NAFTA พร้อมระบุว่า เขาไม่พอใจและจะทำการปฏิเสธข้อเรียกร้องของ นายจัสติน ทรูโดว์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาในการพบกันด้วย

นอกจากนี้ การกล่าวย้ำของนายทรัมป์ ในประเด็นที่จะทำการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าสินค้ายานยนต์ของแคนาดา ได้ทำให้ค่าเงินแคนาดาออสเตรเลียร่วงลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์

· กองทุนไอเอ็มเอฟเมื่อวานี้มีการเพิ่มเงินกู้สนับสนุนเศรษฐกิจประเทศอาร์เจนตินาอีก 7 พันล้านเหรียญ สู่ระดับ 5.7 หมื่นล้านเหรียญ โดยมีเงื่อนไขว่าทางธนาคารกลางต้องยุติการแทรกแซงเพื่อพยุงการอ่อนค่าของค่าเงินเปโซ

· รายงานการศึกษาด้านการค้าของ Barclays เผยว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกด้านอาหารและซัพพลายเออร์อาจขาดทุนประมาณ 9.3 พันล้านปอนด์ (1.22 หมื่นล้านเหรียญ) ท่ามกลางผลจากภาษีสินค้านำเข้าฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นเมื่ออังกฤษก้าวออกจากสหภาพยุโรปโดยปราศจากข้อตกลง

อย่างไรก็ดี ดูเหมือนอังกฤษจะออกจากอียูในลักษณะปราศจากข้อตกลงใดๆ หรือ “No-deal” หลังจากที่ นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษยังคงประสบความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงกับทางอียูในสัปดาห์ที่ผ่านมา

· ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงหลังข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่การถูกจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านก็ยังคงเป็นปัจจัยที่หนุนให้สัญญาน้ำมันดิบ Brent ยังคงยืนเหนือ 80 เหรียญ/บาร์เรล และทำให้ภาพรวมเป็นไตรมาสที่ 5 ที่เห็นราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้น

น้ำมันดิบ Brent เมื่อวานนี้ปิดอ่อนตัวลง 53 เซนต์ ที่ระดับ 81.34 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันทำ High ที่ระดับ 82.55 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ย. ปี 2014

น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 71 เซนต์ ที่ระดับ 71.57 เหรียญ/บาร์เรล

· กระทรวง EIA ของสหรัฐฯ เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com