• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 กันยายน 2561

    19 กันยายน 2561 | Economic News
• ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.07% บริเวณ 94.16 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่า 0.03% ที่บริเวณ 112.35 เยน/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดรับข่าวการโต้ตอบของจีนในสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่จันได้ตอบโต้สหรัฐฯด้วยมูลค่าภาษีที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด

ด้านค่าเงินหยวนปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังได้รับข่าว แต่ยังเคลื่อนไหวใกล้ระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ ที่บริเวณ 6.8552 หยวน/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังรัฐบาลจีนประกาศตอบนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมากกว่า 5,000 รายการ เป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีนได้ส่งเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับการขึ้นภาษีของสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

• Victor Chu ประธานบริษัท First Eastern Investment Group ในฮ่องกง ประเมินว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะดำเนินแผนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างถึงที่สุด ด้วยการปรับขึ้นภาษีเป็นมูลค่าอีก 2.67 แสนล้านเหรียญ หากจีนทำการตอบโต้นโยบายภาษีฉบับล่าสุดที่ประกาศเมื่อวานนี้

นอกจากนี้ ยังได้คาดการณ์อีกว่า นักลงทุนบางส่วนจะเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาเป็นแบบ Wait & See จนกว่าจะถึงช่วงการเลือกตั้งกลางวาระของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย. นี้

• รายงานจากรัฐบาลจีนระบุว่า “จีนจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อแรงกดดันทางการค้าจากสหรัฐฯ และจีนก็จะฟื้นกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม” โดยบทความนี้เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศออกนโยบายขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯเมื่อไม่นานมานี้

• นายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ระบุว่าเกาหลีเหนือตกลงที่จะปลดและทำลายสถานที่พัฒนาและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ลง “อย่างถาวร” พร้อมแสดงความยินดีให้ผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศเข้ามาเยี่ยมชมกระบวนการดังกล่าวเพื่อเป็นสักขีพยา

นอกจากนี้ นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ยังได้ส่งสัญญาณว่าเขาต้องการจะเดินทางมาเยี่ยมเยือนกรุงโซลของเกาหลีใต้ ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะกลายเป็นการเดินทางเยือนเมืองหลวงของเกาหลีใต้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของผู้นำเกาหลีเหนือ

• ธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ ประกาศคงนโยบายและมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าอยู่ก็ตาม

โดยคณะกรรมการบีโอเจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0.1% รวมถึงคงเป้าหมายระดับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไว้ที่ระดับ 0%

พร้อมกันนี้ยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% พร้อมระบุถึงเศรษฐกิจญี่ปุนยังคงขยายตัวได้ในระดับปานกลาง

• ภายหลังจากการประชุมระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ผู้นำทั้งสองชาติเกาหลีเหนือได้ตกลงกันที่จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพงานกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในปี 2032 ขณะที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความยินดีที่จะเข้าร่วมชมกีฬาโอลิมปิก ที่จะจัดขึ้นในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2020 ที่จะถึงนี้

ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติเกาหลีเหนือ โดยระบุว่าเป็นข่าวที่ “น่าตื่นเต้น” มาก

• นายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ยอมรับว่าเริ่มมีความยากลำบากมากขึ้นในการพยายามสนับสนุนให้เศรษฐกิจจีนสามารถเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากปัจจัยกดดันจากภายนอกประเทศ แต่ได้ยืนยันว่าจีนจะไม่มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างเช่นการลดมูลค่าของเงินหยวนเพื่อกระตุ้นการส่งออก อย่างแน่นอน

• รายงานจาก CNN ระบุว่า Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีนกำลังขยายผลกระทบครั้งใหญ่ต่อทั้ง 2 ประเทศ โดยทั้ง 2 ประเทศขึ้นภาษีสินค้าระหว่างกันรวมทั้งสิ้น 3.6 แสนล้านเหรียญ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าการทำสงครามทางการค้าระหว่างกันมีแนวโน้มจะสร้างความสูญเสียแก่ทั้งสองประเทศ แม้ว่าจีนจะเลือกโต้ตอบด้วยจำนวนที่ไม่มากเท่าสหรัฐฯในครั้งล่าสุด

หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Asia Economics ในหน่วยงานของ Oxford Economics กล่าวว่า การประกาศขึ้นภาษีครั้งใหม่ของสหรัฐฯและจีนในสัปดาห์นี้ยิ่งทวีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ และอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกได้ด้วย

ทั้งนี้ ผลกระทบจากการทำสงครามการค้าของสองประเทศมหาอำนาจกำลังจะส่งผลกระทบต่อภาคบริษัทในฝั่งแปซิฟิกของสองประเทศ นั่นหมายความว่า เกินกว่าครึ่งของสินค้าที่จีนขายให้สหรัฐฯในแต่ละปีจะได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เกิดขึ้นนั่นเอง

นักวิเคราะห์บางส่วนบ่งชี้ว่าจีนอาจดำเนินการตอบกลับสินค้าสหรัฐฯได้ยาก แต่ก็อาจส่งผลกับบริษัทใหญ่ของสหรัฐฯที่ทำธุรกิจในจีน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท Apple และ Boeing โดยจะเห็นได้ว่าบางบริษัทสหรัฐฯที่ทำธุรกิจในจีนได้รับผลกระทบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนส่งของหรือการถูกตรวจสอบที่มากขึ้น ขณะที่จีนอาจสนับสนุนให้กลุ่มผู้บริโภคทำการคว่ำบาตรสินค้าสหรัฐฯ หรือสร้างอุปสรรคต่อห่วงโซ่อุปทาน

• นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้รับแรงกดดันจากทั้งสมาชิกในรัฐสภาและบรรดาผู้ประกอบการให้เร่งดำเนินการหาข้อตกลงในการเจรจาสัญญา NAFTA กับสหรัฐฯ รวมถึงโน้มน้าวให้นายทรูโดทิ้งมุมมองที่ว่า “การไม่มีตกลงดีกว่าการมีข้อตกลงที่ไม่ดี” ไปเสี

ทั้งนี้ นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งแคนาดา จะดำเนินการเจรจากับนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ต่อภายในวันพุธนี้ ท่ามกลางเดดไลน์วันที่ 1 ต.ค. ที่ใกล้เข้ามา

• ราคาน้ำมันทรงตัว ท่ามกลางความกังวลว่าบรรดาผู้ผลิตจะไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้มากพอที่จะปิดช่องโหว่จากปริมาณน้ำมันของอิหร่านที่จะหายไปจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ได้หักล้างกับรายงานปริมาณน้ำมันสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 16 เซนต์ ที่บริเวณ 79.19 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับขึ้นมา 1.3% ในช่วงตลาดวานนี้

ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.29% ที่บริเวณ 70.05 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปรับขึ้นมา 1.4% ในช่วงตลาดวานนี้

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com