• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 18 กันยายน 2561

    18 กันยายน 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 94.585 จุด ภายหลังตลาดตอบรับกับการประกาศนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ ขณะที่เค่าเงินหยวนอ่อนค่าที่บริเวณ 6.8740 หยวน/ดอลลาร์ แม้ตลาดหุ้นจีนจะสามารถปิดในแดนบวกขึ้นมาได้เล็กน้อยก็ตาม

ด้านค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% บริเวณ 111.94 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนได้รับอาณิสงค์จากแรงเข้าซื้อในฐานะ safe-haven ก่อนที่จะรีบาวน์กลับมา

ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.05% บริเวณ 1.1678 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นได้ 0.5% เมื่อวานนี้

สำหรับค่าเงินในตลาดเกิดใหม่อย่างลีราตุรกี แรนด์แอฟริกาใต้ และเปโซเม็กซิโก ต่างปรับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในวันนี้

• ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าใกล้ 94.50 จุด!

นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาตั้งช่วงต้นสัปดาห์ และมีการกลับลงทดสอบระดับต่ำสุดรายวันบริเวณ 94 จุด ซึ่งหากดัชนีดอลลาร์หลุด 94.47 จุด จะมีระดับแนวรับถัดไป 94.36 จุด (จุดต่ำสุดเดิม 14 ก.ย.) และมีแนวรับต่อไปที่ 94.20 และ 94.08 จุด (ซึ่งเป็นระดับเส้น Fibo 38.2% และต่ำสุดเดิมเมื่อ 26 ก.ค.)

ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์ Break เหนือ 95 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อ 14 ก.ย.ได้ ก็จะมีเป้าหมายที่ 95.06 จุด (เส้นค่าเฉลี่ย SMA 21 วัน) และระดับแนวต้านถัดไปที่ 95.74 จุด (สูงสุดเดิมเมื่อ 4 ก.ย.)
• วิเคราะห์ค่าเงินยูโรทางเทคนิค: ค่าเงินทดสอบระดับ $1.1700 เปิดตลาดสัปดาห์นี้ และมีแนวต้านที่ $1.1750

นักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่า ทิศทางขาลงของค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ (EUR/USD) ได้ชะลอตัวลงติดต่อกันถึง 6 สัปดาห์ นับตั้งแต่ค่าเงินได้ทำจุดต่ำของปี 2018 ที่ $1.1300

โดยค่าเงินได้กลับมามีสัญญาณของขาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่สามารถ Break เส้นเทรน Triangle (เส้นสีฟ้า) ซึ่งเป้าหมายแรกของขาขึ้นในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ระดับ $1.1722 ที่เป็นระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนหน้า หากผ่านระดับนี้ไปได้ก็จะมีเป้าหมายต่อไปที่ $1.1750 เป็นแนวต้านสำคัญ ขณะที่สัญญาณจาก RSI, MACD และ Stochastics ต่างเป็นเป็นไปในเชิงบวกต่อค่าเงินยูโร

อย่างไรก็ตาม ทิศทางขาขึ้นจะจบลง หากค่าเงินอ่อนค่าหลุดระดับ $1.1530 ลงมา

• นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่ารัฐบาลจะทำการจำกัดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศเหลือเพียง 30,000 คนภายในปี 2019 ซึ่งเป็นจำนวนลดลงอย่างมากจากเพดานปัจจุบันที่ระดับ 45,000 คน

• รายชื่อสินค้าที่จะถูกปรับขึ้นภาษีครั้งล่าสุดจากสำนักงานตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า Smart watch ของบริษัท Apple และอุปกรณ์สำหรับผู้บริโภคอื่นๆ จะได้รับการยกเว้นการขึ้นภาษีครั้งนี้ แต่สินค้าในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ บริการด้านอินเทอร์เน็ต และส่วนประกอบเครื่องจักรบางรายการจากประเทศจีนจะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่ม

นอกจากนี้ รายงานจาก Reuters ยังได้ระบุอีกว่า รายการสินค้าดังกล่าวจะไม่รวมแร่โลหะหายาก หรือ โลหะที่ใช้ในแม่เหล็ก เรด้าร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคบางรายการ

• Rick Snyder ผู้ว่ารัฐมิชิแกนแห่งสหรัฐฯ กล่าวเตือนว่า นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนฉบับล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสร้างเสียหายอย่าง “รุนแรง” ต่อเศรษฐกิจในรัฐมิชิแกน

รัฐมิชิแกนเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมรถยนต์ขนาดใหญ่ อย่าง General Motors, Ford Motor และ Fiat Chrysler ดังนั้น การประกาศขึ้นภาษีครั้งล่าสุดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจทำให้ราคารถยนต์ปรับสูงขึ้นได้

• Goldman Sachs ระบุว่า ความเสี่ยงด้านภาวะเศรษฐกิจถดถอยอยู่ในระดับต่ำในช่วง 3 ปีนี้ ซึ่งโอกาสที่จะเห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวยังคงไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น ขณะที่มีโอกาส 36% ที่จะเกิดขึ้นในช่วงหลังจาก 3 ปีนี้ แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าประวัติการณ์

• ไอเอ็มเอฟ กล่าวเตือนว่า ทุก “แนวโน้ม” ของผลลัพธ์กรณี Brexit จะส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ต่อเศรษฐกิจของอังกฤษ ขณะที่การออกจากอียูโดยปราศจากข้อตกลงใดๆทางการค้าก็อาจจะยิ่งสร้างความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่การออกจากอียูเพื่อเป็นตลาดเดี่ยว (Single Market) หรือการมีข้อตกลงเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่การขึ้นภาษีฉบับใหม่ได้ แต่การไม่มีกำแพงภาษีระหว่างกันก็อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องการขยายตัวทั้งอังกฤษและอียูได้

• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งญี่ปุ่น เรียกร้องให้สหรัฐฯและจีนหาวิธียุติความขัดแย้งทางการค้า ที่เกิดจากการขึ้นภาษีตอบโต้กันไปโดยเร็ว พร้อมระบุว่าญี่ปุ่นและสหรัฐฯจะประกาศวันที่สำหรับการเจรจาการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศรอบต่อไปเร็วๆนี้

ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งญี่ปุ่น แสดงความเชื่อมั่นว่าบีโอเจจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้อย่างมั่นคง แม้อาจจะต้องใช้เวลานานก็ตาม

• นายมาร์ทิน กิลเบิร์ต รองประธานฝ่ายบริหารการลงทุนโลกจาก Standard Life Aberdeen กล่าวว่า จีนอาจมีท่าทีแข็งกร้าวในการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯได้ และมีความเสี่ยงที่จะเห็น Trade War ระหว่างสองประเทศลุกลามขึ้น เพราะไม่ว่าสิ่งไหนที่จีนจะเลือกทำก็ดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงขนาดใหญ่ขึ้นได้

• รายงานจากเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลจีนที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุว่า รัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะพิจารณายกเลิกการส่งตัวแทนไปเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญเมื่อไม่นานมานี้

• รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของจีน กล่าวว่า ตัวแทนภาคบริษัทต่างประเทศ โดยระบุว่า นโยบายเอกภาคนิยมและการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ทั้งสหรัฐฯและจีน รวมไปถึงบั่นทอนต่อภาวะเศรษฐกิจโลก

• ที่ปรึกษาประจำธนาคารกลางแห่งประเทศจีน ระบุว่าผลกระทบจาก Trade war ระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ ไม่ได้มีความรุนแรงเท่าที่หลายๆฝ่ายกังวล แต่ที่น่าเป็นห่วงคือตลาดหุ้นและตลาดการเงินเสียมากกว่า

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประเด็นสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนครั้งล่าสุด ที่อาจจะส่งผลกระทบให้ความต้องการน้ำมันดิบของทั้งสองประเทศลดล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.6% ที่ระดับ 77.61 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.4% ที่ระดับ 68.62 เหรียญ/บาร์เรล

• วิเคราะห์ราคาน้ำมัน WTI ทางเทคนิค : ราคาเคลื่อนไหวในลักษณะ Triangle pattern และอาจส่งให้ราคาร่วงสู่ระดับ $66.87

นักวิเคราะห์จาก FX Street ระบุว่า ราคาน้ำมัน WTI เคลื่อนไหวในลักษณะสะสมพลังแบบ Triangle pattern นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อดูจากกราฟจะเห็นได้ว่า เส้นสามเหลี่ยมกำลังบีบให้ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

ประกอบกับสัญญาณลบของ Indicators ต่างๆ เช่น RSI ที่อยู่ที่ระดับ 47 และ MACD ที่บ่งชี้ถึงทิสทางขาลง จึงคาดว่าราคาน้ำมันมีโอกาสร่วงต่อ และจะมีเป้าหมายแรกของทิศทางขาลงอยู่ที่ระดับ $66.87 (ระดับต่ำสุด 7 ก.ย.)


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com