• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯจะทำการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนครั้งใหม่ จึงจุดประกายความกังวลไปทั่วตลาดโลกและทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้งในฐานะ Safe-Haven โดยดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าเพิ่มขึ้นอีก 0.1% ที่ระดับ 94.607 จุด
เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า จะทำการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% สู่ระดับ 2 แสนล้านเหรียญ และหากจีนมีการตอบโต้กลับกลุ่มเกษตรกรหรือภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ก็อาจมีการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนสู่ระดับ 2.67 แสนล้านเหรียญ
ด้านค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง 0.25% ที่ระดับ 6.8874 หยวน/ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนหันกลับถือครองค่าเงินเยนในฐานะ Safe-Haven ด้วยเช่นกันจึงทำให้เห็นถึงการแข็งค่าของเงินเยนลงมา 0.15% ที่ระดับ 111.69 เยน/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.15% ที่ระดับ 1.1668 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่วันศุกร์ปรับแข็งค่าไป 0.5% และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 0.1% ที่ระดับ 1.3147 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับแข็งค่า 0.7% ทำระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 1.3165 ดอลลาร์/ปอนด์ หลังมีรายงานว่า มีความคืบหน้าของข้อตกลงบริเวณพรมแดนไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง Brexit ที่คณะผู้แทนกำลังพยายามผลักดันเพื่อให้ผ่านข้อตกลงกับทางยุโรป
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่าอีก 2 แสนล้านเหรียญ โดยรายการสินค้าที่จะถูกขึ้นภาษีจะเปิดเผยในวันที่ 24 ก.ย. นี้
การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จะปรับขึ้นอีก 10% และจะค่อยๆขยายตัวสู่ระดับ 25% ภายในช่วงสิ้นปี 2018 หรือวันที่ 1 ม.ค. 2019 เพื่อให้บรรดาผู้ประกอบการในประเทศสามารถทยอยปรับเปลี่ยนภาวะห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chains) สู่ประเทศอื่นได้ทัน
นอกจากนี้ นายทรัมป์ได้ระบุว่า โทรศัพท์มือถือ รวมถึง Smart watch ของ Apple หมวกจักรยาน ที่นั่งเด็กทารก และสินค้าของผู้บริโภคบางรายการ จะยังไม่อยู่ในรายการสินค้าที่จะถูกขึ้นภาษี
อย่างไรก็ตาม นโยบายขึ้นภาษีชุดต่อไปที่นายทรัมป์ ระบุให้เป็น Phase 3 ซึ่งจะทำการขึ้นภาษีเป็นมูลค่าอีก 2.67 แสนล้านเหรียญ มีแนวโน้มที่จะรวมรายการสินค้ากลุ่มดังกล่าวเข้าไปด้วย โดยนายทรัมป์ได้เตือนว่า หากจีนทำการตอบโต้กาปรับขึ้นภาษีครั้งล่าสุดนี้ สหรัฐฯจะเร่งดำเนินการ Phase 3 ในทันที
• นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาระดับสูงทางด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯพร้อมเดินหน้าเจรจาทางการค้ากับทางจีน เมื่อไรก็ตามที่จีนมีการเตรียมพร้อมที่จะหันหน้าเจรจาร่วมกันอย่างจริงจังเพื่อลดข้อขัดแย้งจากการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าและกำแพงภาษีที่นำไปสู่ Trade War
นอกจากนี้ เขายังมีมุมมองว่า กาปฏิรูปทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเดินไปผิดทาง พร้อมคาดว่าอาจเห็นสหรัฐฯประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญในเร็วๆนี้
• CNBC ระบุว่า บรรดานักวิเคราะห์กำลังให้ความสนใจว่าจีนจะทำการตอบโต้ต่อการประกาศแผนของนายทรัมป์เช่นไร
• นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก National Australia Bank กล่าวว่า จีนอาจขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯได้อย่างจำกัด แต่จีนก็จะยังเป็นอุปสรรคต่อภาวะห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯทางด้านการส่งออกเทคโนโลยี รวมทั้งอาจทำการยกเลิกการเจรจาได้ทุกเมื่อ และนี่ถือเป็นปัจจัยลบต่อตลาด ขณะเดียวกันข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนดูจะไม่สร้างผลประโยชน์แก่ภาคการผลิตหรือภาคแรงงานให้กลับสู่สหรัฐฯ และสหรัฐฯน่าจะไม่พอใจหากเห็นจีนมีความก้าวหน้าด้วยความสามารถของจีนเอง แม้ว่าสิ่งสำคัญที่เป็นปัญหาระหว่างกันคือเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญา
• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา เปิดเผยว่า เธอจะกลับเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯอีกครั้งในสัปดาห์นี้เพื่อหารือถึงประเด็น NAFTA หลังจากที่เวลาการพูดคุยกับสหรัฐฯดูจะลดน้อยลง เนื่องจากสหรัฐฯต้องการให้ข้อตกลงแล้วเสร็จภายใน 1 ต.ค.
• ประธานรัฐสภาอังกฤษ กล่าวว่า นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจำเป็นต้องมีการหารือแผนฉุกเฉินเพื่อให้มีการปรับปรุงทางเลือกที่เหมาะสมในการออกจากอียู หากว่ากลยุทธ์ที่เธอเลือกใช้ในการเจรจาปัจจุบันประสบภาวะล้มเหลว
• เมื่อวานนี้รัฐบาลอาร์เจนตินามีการเปิดเผยแผนงบประมาณ ประกอบกับไอเอ็มเอฟ ระบุถึง ความคืบหน้าครั้งสำคัญที่อาจทำให้ประเทศอาร์เจนตินาได้รับการช่วยเหลือทางการเงินตามเงื่อนไขการกู้ยืม จึงทำให้ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาปรับแข็งค่าขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลง โดยค่าเงินเปโซปรับขึ้น 0.76% ปิดที่ 39.57 เปโซ/ดอลลาร์
• ราคาน้ำมันดิบปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ท่ามกลางตลาดที่ยังมีแรงกดดันจากประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยสกัดกั้นอุปสงค์น้ำมันดิบโลก ขณะเดียวกันตลาดก็ยังมีแรงหนุนจากความเป็นไปได้ที่ภาวะอุปทานน้ำมันจะตึงตัวจากการคว่ำบาตรอิหร่าน
น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 4 เซนต์ ที่ระดับ 78.05 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 8 เซนต์ ที่ระดับ 68.91 เหรียญ/บาร์เรล