• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 กันยายน 2561

    14 กันยายน 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาหลังจากที่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาด ท่ามกลางสัญญาณที่ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและจีนจะผ่อนคลายลง

ขณะที่ค่าเงินในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ อาทิ ค่าเงินแรนด์ของแอฟริกาใต้ และค่าเงินเปโสของเม็กซิโกที่ปรับแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่มีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อธนาคารกลางตุรกีที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาที่ 24% และทำให้ค่าเงินลีราปรับแข็งค่า

ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงแตะ 94.491 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้ลงไปทำระดับอ่อนค่ามากท่ีสุดนับตั้งแต่ 31 ส.ค. ที่ 94.428 จุด

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นมา 0.05% ที่ระดับ 1.1695 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่เมื่อคืนวานไปทำระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1.1701 ดอลลาร์/ยูโร หลังอีซีบียังคงนโยบายดอกเบี้ย และมีแผนจะยุติ QE ในช่วงสิ้นปีนี้ ประกอบกับการจะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงประมาณเดือนก.ย. ปีหน้า

ค่าเงินลีราอ่อนค่าขึ้นมาเล็กน้อยที่ 6.137 ลีรา/ดอลลาร์ หลังจากที่เมื่อวานปรับแข็งค่าลงมากว่า 4% จากการที่ตุรกีประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้ค่าเงินลีรามีเสถียรภาพมากขึ้น

ค่าเงินหยวนปรับอ่อนค่า 0.2% ที่ระดับ 6.8520 หยวน/ดอลลาร์

ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 111.83 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับอ่อนค่าไปที่ 112.08 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 1 ส.ค.

• ค่าเงินลีราของตุรกีแข็งค่าลง 6.08 ลีรา/ดอลลาร์ ตอบรับกับการประกาศขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางตุรกี ที่ระดับ 6.25% สู่ระดับ 24% ขณะที่วันนี้ค่าเงินตุรกีปรับอ่อนค่าขึ้นมาเล็กน้อยทรงตัวที่ระดับ 6.13 ลีรา/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งมาถึง 15 ปีของนายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี

• นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษของธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้น ไม่ควรคงอยู่ตลอดไป ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลของนายอาเบะกำลังเริ่มวางแผนสำหรับการออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

นอกจากนี้ นายอาบะยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ธนาคารกลางวางไว้ เป็นเพียงแค่ปัจจัยชี้นำปัจจัยหนึ่งเท่านั้น และธนาคารกลางไม่ควรยึดมั่นกับมันมากเกินไป

• เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มีกำหนดการจะประชุมร่วมกันอีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการทดสอบว่านายมุน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จะสามารถผลักดันให้เกาหลีเหนือทำการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ตามที่ให้สัญญากับสหรัฐฯไว้หรือไม่

• กระทรวงการคลังสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรบริษัท Yanbian Silverstar Network Technology Co. และนาย Jong Song Hwa บริหารของบริษัทที่เป็นชาวเกาหลีเหนือ รวมถึงบริษัท Volasys Silver Star ของรัสเซีย เนื่องตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 องค์กรมีการสนับสนุนทางการเงินให้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือขององค์การสหประชาชาติ
• นักวิเคราะห์จาก JPMorgan กล่าวเตือนว่า วิกฤติการเงินโลกครั้งใหม่จะเกิดขึ้นในปี 2020 แต่จะเป็นวิกฤติที่ไม่รุนแรงเท่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ข่าวร้ายคือ สภาพคล่องในตลาดเงินและตลาดทุนกำลังปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดวิกฤติการเงินโลกปี 2008 จะเป็นปัจจัยลบที่อาจไม่หมดไปโดยง่าย

ขณะที่แบบจำลองเตือนภัยวิกฤติการเงิน ซึ่งพิจารณาจากตัวแปรที่สำคัญ อาทิเช่น ความยาวนานของการขยายตัวของเศรษฐกิจ ช่วงเวลาที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ระดับหนี้ในระบบเศรษฐกิจ และระดับการผ่อนคลายการกำกับดูแลภาคการเงิน และนวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นก่อนวิกฤติ พบว่า มีความเป็นไปได้ที่วิกฤติการเงินจะเกิดขึ้นในปี 2020

อย่างไรก็ดี สิ่งที่อาจเกิดขึ้นคือดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจปรับตัวลงประมาณ 20% ขณะที่ตราสารหนี้ภาคเอกชนสหรัฐฯจะมีค่าความเสี่ยงสะท้อนในอัตราดอกเบี้ยราว 1.15% ทางด้านกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มพลังงานอาจลดลง 35% และราคาสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มโลหะอาจลดลง 29% ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลตลาดเกิดใหม่กับตลาดที่พัฒนาแล้วจะอยู่ที่ 2.79% ราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดเกิดใหม่จะลดลง 48% และค่าเงินสกุลเงินตลาดเกิดใหม่จะอ่อนค่าลง 14.4%

• เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงจากประเทศจีน กล่าวว่าระบบขององค์การการค้าโลก (WTO) ยังมีจุดบกพร่อง และควรได้รับการแก้ไขเพื่อให้มีความยุติธรรมและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยจีนพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการปฏิรูประบบของ WTO

• ธนาคารกลางฝรั่งเศสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจฝรั่งเศสลงที่ระดับ 1.6% ในปี 2020 ท่ามกลางอัตราว่างงานที่ยังมีแนวโน้มจะปรับตัวลง ขณะที่ปีนี้จะขยายตัวได้ 1.8% และปีหน้าขยายได้ 1.7% จากอุปสงค์ภายนอกประเทศที่่น่าจะอ่อนตัวจากคาดการณ์ก่อนหน้า

ทางด้านอีซีบีมีการคาดการณ์ทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยมองว่าปีนี้จะขยายตัวได้ 2.0% และ 1.8% ในปีหน้า ขณะที่ปี 2020 จะขยายตัวได้ 1.7%

ผู้ว่าการฝรั่งเศสมองว่า การที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสชะลอตัวมาจากฝรั่งเศสยังคงมีการปฏิรูปที่ล่าช้า

• นางนิกกี้ ฮาเรย์ เอกอัคราชทูตประจำองค์การสหประชาชาติแห่งสหรัฐฯ กล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นผู้คอยปิดบังให้เกาหลีเหนือเกี่ยวกับการละเมิดการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (U.N.) ขณะที่บรรดาคณะกรรมาธิการประจำ U.N. มีกำหนดการจะประชุมร่วมกันเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือที่สหรัฐฯเป็นผู้เสนอภายในวันจันทร์นี้

• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ แสดงให้เห็นว่ายอดส่งออกของญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ แม้ว่าจะเผชิญกับความตึงเครียดทางการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าเดือนส.ค. ยอดส่งออกจะขยายตัวได้ 5.6% หลังจากเดือนก.ค.ที่ขยายตัวได้ 3.9% ทางด้านยอดนำเข้าคาดจะขยายตัวได้ 14.9% จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าแตะ 4.687 แสนล้านเยน (4.19 พันล้านเหรียญ) ในเดือนส.ค.

• เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมกันก่อตั้งสำนักงานติดต่อประสานงานขึ้นในพื้นที่เกาหลีเหนือที่อยู่ติดกับเขตชายแดนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มที่ทั้ง 2 ชาติเกาหลีจะสามารถหยุดยั้งความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษได้ในที่สุด

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ โดยราคาลดลงมากที่สุดในเดือนนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะอุปทานจากความกังวลวิกฤตตลาดเกิดใหม่และประเด็นการค้าอาจกดดันปริมาณความต้องการน้ำมัน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิน Brent เพิ่มขึ้น 3 เซนต์ ที่ระดับ 78.21 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ ที่ระดับ 68.76 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com