• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 11 กันยายน 2561

    11 กันยายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่ผู้แทนเจรจาระดับสูงของอียู กล่าวว่า ข้อตกลงในการที่อังกฤษจะออกจากอียูอาจบรรลุผลได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าขึ้นได้กว่า 1% ในช่วงระหว่างการซื้อขายก่อนจะปิดตลาด +0.9% ที่ระดับ 1.3033 ดอลลาร์/ปอนด์ ขณะที่ค่าเงินยูโรขยับแข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ 1.15965 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.24% มาที่ 95.140 จุด

• บรรดาสมาชิกบีโออีและอีซีบีถูกคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าจะยังคงนโยบายในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายก็มองว่ายังไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเห็นประธานอีซีบีส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ

• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่า ทางการจีนเตรียมดำเนินการตอบโต้หากสหรัฐฯจะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าฉบับใหม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวเตือนว่า พร้อมที่จะเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มกว่า 2.67 แสนล้านเหรียญ โดยเรียกเก็บเพิ่มจากฉบับ 2 แสนล้านเหรียญ และทำให้มูลค่าที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีจากจีนเบ็ดเสร็จจะแตะระดับ 5 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเทียบเท่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมด

• พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยแผนปรับลดภาษีรอบที่สอง โดยจากข้อมูลเบื้องต้น แผนลดภาษีครั้งนี้จะเป็นการปรับลดระดับภาษีนิติบุคคลลงแบบถาวร ยกเลิกเพดานอายุสำหรับการเข้าร่วมกองทุนเงินบำเหน็จบำนาญ และสนับสนุนงบประมาณสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากขึ้น

• โฆษกประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับจดหมายฉบับใหม่จากนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยจดหมายได้กล่าวถึงความต้องการที่จะจัดการประชุมร่วมกันระหว่าง 2 ผู้นำขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทางทำเนียบขาวก็กำลังดำเนินการจัดวันเวลาที่ทั้ง 2 ผู้นำสามารถพบกันได้

อย่างไรก็ตาม วันที่และเวลาที่ทั้ง 2 ผู้นำจะสามารถพบกันได้ยังคงไม่มีความชัดเจน ขณะที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ได้ระบุว่า การประชุมใหญ่ระหว่างผู้นำประเทศภายใต้องค์การสหประชาชาติ (U.N.) ที่จะเกิดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงปลายเดือนนี้ อาจเป็นโอกาสดีที่ทั้ง 2 ผู้นำจะสามารถพบกันได้ แต่ก็ไม่เชื่อว่านายคิมจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

• นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแห่งแคนาดา และนายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ มีกำหนดจะพบกันภายในวันอังคารนี้ เพื่อเจรจาภายใต้สนธิสัญญา NAFTA กันต่ออีกรอบ โดยที่ทางสหรัฐฯได้ระบุว่าเดดไลน์สำหรับการเจรจาได้เข้าใกล้เข้ามาทุกขณะ ซึ่งทางแคนาดาได้ประเมินว่าเดดไลน์ดังกล่าวน่าจะหมายถึงสิ้นเดือน ก.ย. นี้

• การเมืองสวีเดนประสบกับทางตัน หลังการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาพบว่าพรรคฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างมีคะแนนความนิยมสูสีกันที่ 40.6% ต่อ 40.3% ทำให้ฝ่ายซ้ายมีที่นั่งในสภามากกว่าฝ่ายขวาเพียงแค่ 1 ที่นั่ง จากทั้งหมด 349 ที่นั่ง

อย่างไรก็ตาม พรรคฝ่ายขวาจัดที่มีแนวคิดกีดกันทางการอพยพกลับมีคะแนนความนิยมอยู่ที่ 17.6% ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 5% จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา แม้คะแนนความนิยมจะน้อยกว่าหัวหน้าพรรคคาดการณ์ไว้ที่ 20-30% ก็ตาม

• ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐฯ, อังกฤษ และฝรั่งเศส เห็นพ้องกันว่า หากรัฐบาลซีเรียมีการดำเนินการใช้อาวุธเคมีก็อาจจะได้รับการตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้นจากพวกเขาเช่นกัน

• ราคาน้ำมันดิบปิดผสมผสานกันหลังจากที่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯอาจเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยที่เข้ากดดันตลาด ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ ระบุว่า รายงานรายสัปดาห์จากบลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบมีการเพิ่มขึ้นดูจะขัดแย้งกับรายงานจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯหรือ EIA ในช่วงต้นที่พบว่าสต็อกน้ำมันดิบมีการปรับลดลง

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 21 เซนต์ ที่ระดับ 67.54 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 54 เซนต์ ที่ระดับ 77.37 เหรียญ/บาร์เรล หลังไปทำระดับสูงสุดของวันที่ 77.92 เหรียญ/บาร์เรล

• อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นตลาด ราคาน้ำมันดิบมีแรงสนับสนุนจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯและกลุ่มนักลงทุนที่ประเมินว่าภาวะอุปทานจะปรับตัวลงจากนโยบายคว่ำบาตรฉบับใหม่ของสหรัฐฯ ที่จะไปจำกัดการส่งออกของอิหร่านตั้งแต่เดือนพ.ย.


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com