MTS Help Center

Steven Okun ที่ปรึกษาอาวุโสประจำ McLarty Associates ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯมีแนวโน้มจะสูญเสียความสามารถในการดำเนินนโยบายภายหลังจากการเลือกตั้งกลางวาระ ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าก็มีโอกาสที่จะเลวร้ายลง

“การเลือกตั้งกลางวาระจะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้เลย นอกเสียจากจะทำให้มันย่ำแย่ลง โดยจะเห็นได้จากการเจรจา NAFTA ที่หากรัฐบาลสหรัฐฯชุดปัจจุบันไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายใน 30 วัน ก็มีแนวโน้มสูงที่รัฐบาลชุดต่อไปจะต้องเข้ามารับช่วงต่อ”

“นอกจากนี้ ผลสำรวจจากหลายๆสำนักต่างประเมินว่าพรรคเดโมแครตจะสามารถกลับมามีเสียงข้างมากในสภา ภายหลังการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. ซึ่งนั่นจะทำให้การดำเนินงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และทีมบริหารของเขาเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก เนื่องจากสภาจะไม่ยอมให้นโยบายใดๆของทีมบริหารผ่านได้ง่ายๆ โดยพวกเขาจะทำการตรวจสอบทั้งตัวนายทรัมป์และทีมบริหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า” Okun กล่าว

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯและเม็กซิโกสามารถบรรลุข้อลงในสนธิสัญญาการค้าที่จะมาแทน NAFTA ที่มีสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา รวมกันอยู่ในสัญญา ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯและแคนาดาที่ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ และมีกำหนดการจะเจรจาต่อในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ก็ได้ยืนยันว่า หากการเจรจาไม่บรรลุผลภายใน 90 วัน เขาก็จะเดินหน้าลงนามในสนธิสัญญาร่วมกับเม็กซิโกเพียง 2 ประเทศเท่านั้น

นอกจากนี้ Okun ยังได้ระบุอีกว่า ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ก็มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงหลังการเลือกตั้งกลางวาระเช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะ ความไร้ศักยภาพในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ หากพรรคเดโมแครตกลับมามีเสียงข้างมาก

แต่ว่านายทรัมป์จะยังคงอำนาจเกี่ยวกับการค้าไว้ได้บางส่วน โดยเขาสามารถประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้ากลุ่มชิ้นส่วนยานพาหนะจากต่างชาติเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ รวมถึงอำนาจในการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ และภาษีอีก 2 แสนล้านเหรียญที่จะตามมาหลังจากนั้น ดังนั้นจึงมองว่า Trade war จะเลวร้ายลงหลังการเลือกตั้งกลางวาระ ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด