• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 6 กันยายน 2561

    6 กันยายน 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากการแข็งค่าของค่าเงินปอนด์และค่าเงินยูโร หลังรายงานจาก Bloomberg ระบุว่า รัฐบาลเยอรมนีและอังกฤษมีการยอมรับต่อข้อเรียกร้องหลักในประเด็น Brexit ร่วมกันได้ จึงช่วยผ่อนคลายโอกาสที่อังกฤษจะออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงนั้นลดลงไป

ดัชนีดอลลาร์ปรับลง 0.3% ที่ระดับ 95.154 จุด ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.4% ที่ระดับ 1.2905 ดอลลาร์/ปอนด์ และค่าเงินยูโรปรับขึ้น 0.39% ที่ระดับ 1.1626 ดอลลาร์/ยูโร

• รายงานจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระบุว่า ยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯที่มีกับจีน ขยายตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนด้วยความรุนแรงยิ่งขึ้นได้

ทั้งนี้ ยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯขยายตัว 9.5% สู่ระดับ 5.01 หมื่นล้านเหรียญ ท่ามกลางยอดส่งออกเมล็ดถั่วเหลืองและอากาศยานที่ลดน้อยลง ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ยอดขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2

• ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯยังไม่พร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อหยุดยั้งความขัดแย้งทางการค้าร่วมกับจีน แต่การเจรจาจะยังคงดำเนินต่อไป

• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของแคนาดา กล่าวว่า สหรัฐฯและแคนาดามีความคืบหน้าในการหารือเรื่องข้อตกลงทางการค้า NAFTA โดยทั้งสองประเทศจะหารือแนวทางร่วมกันต่อในคืนนี้

• สำนักงานสถิติของแคนาดา ระบุว่า การตอบโต้ของแคนาดาผ่านทางการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า ส่งผลให้สินค้าของสหรัฐฯมีการปรับตัวลงในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปในเดือนมิ.ย. โดยเมื่อ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางแคนาดาทำการตอบโต้สหรัฐฯด้วยแผนภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเหล็ก, อะลูมิเนียม และสินค้าอื่นๆ ตั้งแต่ซอสถั่วเหลืองจนถึงถุงนอน

• เมื่อวานนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการกล่าวแสดงถึงความตั้งใจที่จะทำการ Shutdown รัฐบาล หากทางสภาคองเกรสยังไม่มีการเตรียมงบประมาณที่เพียงพอต่อความมั่นคงบริเวณพรมแดน

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของนายทรัมป์ มีขึ้นต่อกลุ่มผู้นำพรรครีพับลิกันแห่งสภาคองเกรสเพื่อเตรียมโครงการต่อในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะรวมไปถึงการขยายเวลางบประมาณรัฐบาลภายในกำหนดเส้นตาย 30 ก.ย. ซึ่งนายทรัมป์มีความต้องการทำให้ได้ตามสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียง อันหมายถึงการสร้างกำแพงพรมแดนเม็กซิโกนั่นเอง

อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ ปฏิเสธว่าไม่เคยต้องการทำการลอบสังหารผู้นำซีเรียแต่อย่างใด ตามที่สื่อมีการเสนอข่าวเมื่อวานนี้

• กิจกรรมภาคธุรกิจในยูโรโซนปรับตัวสูงขึ้นในเดือนที่แล้ว โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตออกมาเพิ่มขึ้นที่ 54.5 จุด ท่ามกลางการขยายตัวที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ แต่ภาวะสงครามการค้าทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยที่จำกัดมุมมองเชิงบวกของตลาดและบ่งชี้ว่าอาจทำให้การขยายตัวดังกล่าวไม่คงทน ขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของแรงกดดันเงินเฟ้อมียังไม่มีแนวโน้มที่จะทำให้อีซีบีถอนนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตร 2.6 ล้านล้านยูโรในช่วงสิ้นปี

• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา มีความเชื่อมั่นต่อข้อตกลงฉบับใหม่กับไอเอ็มเอฟ หลังจากที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกัน จึงหนุนให้ค่าเงินเปโซของอาร์เจนตินาปิด +1.38% ที่ระดับ 38.52 เปโซ/ดอลลาร์

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยังเชื่อว่า จะได้รับเงินช่วยเหลือจากทางไอเอ็มเอฟจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญภายในช่วงสิ้นเดือนนี้ และประเด็นดังกล่าวได้ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้นักลงทุนในตลาดอีกครั้ง

• สถาบันจัดอันดับ S&P Global Ratings กล่าวว่า สำหรับในเขตเมืองใหญ่ของสหรัฐฯดูจะมีการจ่ายเบี้ยบำนาญที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงต้นทุนคงที่อื่นๆทางด้านการเงินในปี 2017 ที่ดูจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน แต่ค่าใช้จ่ายพวกนี้ก็มีแนวโน้มจะไปกดดันต่องบประมาณได้

• เมื่อวานนี้ S&P Global Ratings มีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทดูไบ 2 แห่ง โดยระบุว่า การอ่อนตัวทางเศรษฐกิจในเอมิเรตส์กำลังได้รับผลกระทบจากความสามารถของภาครัฐบาลนการให้การสนับสนุนอย่างฉุกเฉินตามความต้องการของภาคบริษัทฯได้

• รัฐบาลเกาหลีใต้รายงานว่า บรรดาตัวแทนของเกาหลีใต้ได้เดินทางไปพบกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แล้วเมื่อาวนนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ชาติเกาหลีเป็นครั้งที่ 3 โดยจะเกิดขึ้นภายในเดือนนี้ ด้วยความคาดหวังว่าจะสามารถผลักดันให้เกาหลีเหนือดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์ต่อไปได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงกว่า 1% หลังจากที่พายุบริเวณชายฝั่งสหรัฐฯปรับตัวลง และพัดผ่านจากพื้นที่ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯไป ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางการค้าโลกและวิกฤตค่าเงินในตุรกีกำลังบั่นทอนอุปสงค์น้ำมัน

น้ำมันดิบ WTI ปิดลง 1.15 เหรียญ คิดเป็น -1.65% ที่ระดับ 68.72 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลง 90 เซนต์ คิดเป็น -1.15% ที่ระดับ 77.27 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงต้นตลาดขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 79.72 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ค 
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com