· ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวบริเวณ 95.163 จุด ท่ามกลางแรงหนุนจากการเข้าซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในภาวะ Trade war ประกอบกับการที่บรรดานักลงทุนกำลังจับตาไปยังการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและแคนาดา ซึ่งส่งสัญญานว่าจะไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.1% บริเวณ 1.1597 ดอลลาร/ยูโร โดยเป็นการปรับอ่อนค่าลงติดต่อกัน 2 วันทำการ
ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.2% บริเวณ 110.915 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินสามารถแข็งค่าลงไปได้ถึงระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 สัปดาห์ครึ่งที่ระดับ 110.685 เยน/ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ค่าเงินหยวนทรงตัวในกรอบแคบบริเวณ 6.8478 หยวน/ดอลลาร์
· นักวิเคราะห์จาก Daiwa Securities ประเมินว่า “เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ตลาดมองว่าสหรัฐฯจะสามารถยับยั้งความขัดแย้งทางการค้ากับจีนลงได้ ขนาดการเจรจากับแคนาดาที่น่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้เลย”
· นักวิเคราะห์จาก FXTM กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นเชิงบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯและกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย และนั่นกดดันให้ราคาทองคำยังคงถูกกดดันในทิศทางขาลง
นักวิเคราะห์จาก DailyFX กล่าวว่า คำเตือนจากวันศุกร์เกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระดับโลกที่เพิ่มขึ้น และยังอาจช่วยหนุนภาวะแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังรายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 2 แสนล้านเหรียญ
โดยประเด็น Trade War นักวิเคราะห์ ต่างระบุว่า ได้ช่วยหนุนให้ดอลลาร์ยังแข็งค่า เนื่องจากนักลงทุนยังมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ กล่าวเตือนว่าการเทรดแบบ High-frequency trading (HFT) หรือการเทรดแบบใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์สำหรับการส่งคำสั่งซื้อขายเข้าไปในตลาดด้วยความเร็วสูงและมีปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความมั่นคงกับตลาดได้
· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ กล่าวเตือนว่าการเทรดแบบ High-frequency trading (HFT) หรือการเทรดแบบใช้ชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์สำหรับการส่งคำสั่งซื้อขายเข้าไปในตลาดด้วยความเร็วสูงและมีปริมาณมาก อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความมั่นคงกับตลาดได้
· Caixin ประกาศดัชนี PMI ของอุตสาหกรรมจีนออกมาที่ระดับ 50.6 ในเดือน ส.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงปริมาณคำสั่งที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ปี 2017
ทั้งนี้ ในรายงานของ Caixin ได้ระบุว่า ถึงแม้ปริมาณการผลิตจะขยายตัว แต่ปริมาณคำสั่งซื้อกลับขยายตัวได้ด้วยอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 1ปีกว่า ขณะที่ยอดส่งออกของจีนปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 รวมทั้งความเชื่อมั่นที่อยู่ในระดับต่ำ จึงกังวลว่าสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้ อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็น Trade war ระหว่างจีนและสหรัฐฯ
· นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi UFJ Morgan Stanley กล่าวว่า “เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะทำการประกาศขึ้นสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญจริงภายในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาได้เคยกล่าวไว้ว่าจะทำการขึ้นภาษีที่การเปิดรับความคิดเห็นสาธารณะจบสิ้นลงในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้“
· บรรดาตัวแทนจากสหรัฐฯและแคนาดามีกำหนดการที่จะร่วมเจรจาภายใต้สนธิสัญญา NAFTA อักครั้งภายในวันพุธที่จะถึงนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สามารถร่วมลงนามกันในสัญญาได้ทั้ง 3 ประเทศ รวมถึงเม็กซิโก
· กิจกรรมของภาคอุตสาหกรรมทั่วภูทิภาคเอเชียต่างได้รับผลกระทบจากยอดส่งออกที่อ่อนแอลงในเดือน ส.ค. โดยผลสำรวจพบว่ายอดส่งออกของบรรดาประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นสัญญาณที่บ่งชี้อย่างชัดเจนว่าบรรดาผู้ประกอบการเริ่มมีความวิตกกังวลต่อ Trade war ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่อาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงได้
· ราคาน้ำมันค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันของกลุ่มโอเปกและสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น แต่ได้รับรับแรงหนุนจากความกังวลในปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน ที่อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ที่จะผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย.
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้นเล็กน้อย 20 เซนต์ บริเวณ 77.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวบริเวณ 69.80 เหรียญ/บาร์เรล
Thai
Eng