• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 30 สิงหาคม 2561

    30 สิงหาคม 2561 | Economic News

· ค่าเงินปอนด์ทรงตัวในตลาดเอเชีย หลังจากที่ปรับแข็งค่าอย่างมากในรอบ 7 เดือนเมื่อคืนนี้ หลังจากที่หัวหน้าเจรจาของอียูยื่นข้อเสนอในการสานสัมพันธ์กับอังกฤษหลังจากที่ออกจากอียู (Brexit)

ค่าเงินปอนด์ ปรับแข็งค่าขึ้นจากความกังวลที่ว่าอังกฤษอาจออกจากอียูได้ จากกรณีที่อาจเกิดความยากลำบากในกรณี Brexit ได้ผ่อนคลายลง หลังจากที่ นายไมเคิล เบรเนียร์ ส่งสัญญาณว่ามีท่าทีผ่อนคลายขึ้นในการเจรจากับอังกฤษ และทางอียูมีการเตรียมข้อเสนอให้อังกฤษเป็นคู่ค้า แม้ว่าจะไม่มีส่วนใน "Single Market a la carte" จึงช่วยฟื้นความเชื่อมั่นมากขึ้

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าไปทำระดับสูงสุดรอบ 4 สัปดาห์ที่ 1.3039 ดอลลาร์/ปอนด์ โดยปรับแข็งค่ามากขึ้นกว่า 1.2% เมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ 24 ม.ค.

ดัชนีดอลลาร์เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 4 สัปดาห์บริเวณ 94.434 จุด โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินปอนด์

ค่าเงินยูโรทรงตัวที่ 1.1706 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปิดแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อวานนี้ ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวที่ 111.71 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปกว่า 0.4% เมื่อคืนนี้

· นักลงทุนกำลังจับตาไปยังการเคลื่อนไหวของค่าเงินลีราหลังจากที่อ่อนค่าลงไปอย่างหนักและยังอ่อนค่าต่อไปทำระดับต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ จากการที่สถาบันจัดอันดับ Moody'sทำการปรับลดความน่าเชื่อถือ 20 ธนาคารตุรกี จึงทำให้เกิดความกังวลต่อวิกฤตการเงิน ขณะที่การเจรจาทางการทูตกับสหรัฐฯยังคงชะลอตัว

· Michelle Girard หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ประจำ NatWest Markets คาดการณ์ว่า ดัชนี Core PCE จะสามารถคงอยู่ที่ระดับ 2% ได้ในเดือน ส.ค. และจะขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 2.1%ในเดือน ก.ย. จึงอาจส่งผลให้ภาพรวมดัชนีเคลื่อนไหวแถวระดับ 2% ได้ตลอดปี 2018 ดังนั้น เฟดอาจสามารถคงแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ เฟดถูกคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. และ ธ.ค. ที่จะถึงนี้เป็นที่ค่อนข้างแน่นอนแล้ว แต่ตลาดยังคงถกเถียงกันว่าเฟดจะมีแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยในปี 2019 อย่างไร แม้เฟดจะคาดการณ์เองไว้ 3 ครั้งก็ตาม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงชะลอตัวยังเป็นปัจจัยกดดันให้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้ายังคงไร้ความชัดเจน ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเฟดมีการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในบางจังหวะเสียด้วยซ้ำ

ส่วน Michelle Girard มองว่า เฟดไม่น่าจะคงจังหวะการขึ้นดอกเบี้ยปี 2019 ไว้ที่ 3 ครั้งตามที่เฟดคาดเอาไว้ โดยเธอมองไว้ที่ 2 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเริ่มเข้าใกล้ระดับNeutral rate หรือระดับที่จะไม่สามารถหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้อีกต่อไป

นอกจากนี้ เธอยังได้กล่าวอีกว่า อัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ได้กล่าวว่า เฟดจะคงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปดังเดิม ท่ามกลางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อที่ไม่น่าขยายตัวเร็วเกินการควบคุม ดังนั้นจึงไม่เหตุผลใดที่เฟดจะต้องเร่งจังหวะของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

· Robin Xing หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจจีนประจำ Morgan Stanley เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะมีการออกมาตรการมาบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

โดย Xing กล่าวว่า “เรามองว่าทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงนักจากนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ เนื่องจากรัฐบาลจีนจะมีการออกนโยบายมาบรรเทาผลกระทบดังกล่าว”

ขณะที่ตลาดกำลังจับตาการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นมูลค่าอีก 2 แสนล้านเหรียญของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้

Xing ประเมินว่า หากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Supply Chain ความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนอาจมีความรุนแรงยิ่งขึ้น จนอาจทำให้จีนสูญเสียอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไปได้ถึง 0.7%

· ข้อมูลยอดค้าปลีกญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 9 เดือนในเดือนก.ค.โดยสูงกว่าคาดออกมาที่ 1.5% เมื่อเทียบรายปี ท่ามกลางสัญญาณการอุปโภคบริโภคเอกชนที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

· นายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าทีมเจรจา Brexit แห่งอังกฤษ กล่าวเตือนให้รัฐบาลรับมือกับโอกาสที่การเจรจา Brexit จะจบลงแบบ No deal และยังระบุอีกว่า ปัญหาชายแดนกับไอร์แลนด์เหนือ เป็นหัวข้อที่ “Sensitive” ที่สุดในการเจรจา แต่เชื่อว่าน่าจะสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาได้

· ผลสำรวจจากรอยเตอร์ แสดงให้เห็นว่า ราคาบ้านในสหรัฐฯมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นในปีนี้ด้วยอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 และดูเหมือนจะช่วยให้การขยายตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่สะท้อนเงินเฟ้อที่ขยายตัวได้ดี

· รายงานจาก Reuters ระบุว่า สองผู้นำของประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาต่างแสดงความคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถบรรลุข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ร่วมกันได้ในวันศุกร์นี้ซึ่งเป็นวันกำหนดเส้นตาย โดยจะมีการเตรียมเจรจากันในคืนนี้ แม้ว่าแคนาดาจะมีการกล่าวเตือนว่า ยังมีข้อตกลงบางส่วนที่เป็นไปได้ยากก็ตาม

· ผลสำรวจจาก Reuters เชื่อว่า ภาคอุตสาหกกรรมในประเทศจีนมีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในเดือน ส.ค. ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ท่ามกลางปริมาณอุปสงค์ในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับอ่อนแอ และการส่งออกที่ยังมีความไม่แน่นอนจาก Trade war เป็นปัจจัยกดดันอยู่

ถึงแม้การชะลอตัวในเดือน ส.ค. ถูกคาดว่าจะชะลอตัวลงในระดับปานกลางเท่านั้น แต่ก็จะส่งผลให้มุมมองของนักลงทุนเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนมีแนซโน้มที่จะชะลอตัวต่อลงอีกในเดือนข้างหน้า ประกอบกับการที่สหรัฐฯเตรียมออกนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก

· นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีอนุมัติให้ละเว้นเฉพาะภาษีเหล็กสำหรับ เกาหลีใต้ และบราซิล ขณะที่ละเว้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมให้กับอาเจนติน่า

· รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน กล่าวย้ำว่าการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะเป็นไปได้ผ่านการเจรจาที่เท่าเทียมกันเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าจีนจะเปิดกว้างทางการค้าต่อไป โดยไม่ใส่ใจกับการดำเนินการของสหรัฐฯแต่อย่างไร

· ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นต่อท่ามกลางแรงหนุนจากปริมาณการส่งออกน้ำมันจากอิหร่านและเวเนซูเอลาที่ลดน้อยลง รวมถึงรายงานสต็อกน้ำมันสหรัฐฯที่ปรับลดลงเมื่อคืนนี้

โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับสูงขึ้น 30 เซนต์ บริเวณ 77.44 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI 30 เซนต์ บริเวณ 69.81 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ได้ปรับสูงขึ้นเกือบ 10% ในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าปริมาณอุปทานน้ำมันกำลังตึงตัว และมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำมันจะลดลงภายในไม่เดือนข้างหน้าจากนโยบายคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันอิหร่านเป็นสหรัฐฯเป็นผู้ประกาศใช้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com