• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 2 สิงหาคม 2561

    2 สิงหาคม 2561 | Economic News
• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังเฟดยังคงชี้ถึงทิศทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ที่ยังคงหนุนแนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่ามาที่ 94.70 จุด หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 94.084 จุด

• หัวหน้านักกลยุทธ์ค่าเงิน G10 จาก Citigroup Global Markets กล่าวว่า เฟดยังมีท่าทีคุมเข้มทางการเงิน และย้ำถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็ไม่มีอะไรให้น่าแปลกใจ โดยภาพรวมจึงทำให้เราเห็นค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเพียงเล็กน้อย

• ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน 0.15% ที่ระดับ 111.56 เยน/ดอลลาร์ หลังจากบีโอเจยังคงนโยบายดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีท่าทีเปิดกว้างต่อการเคลื่อนไหวของพันธบัตรได้อย่างเสรีมากขึ้น

• ค่าเงินยูโรยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยวันนี้ปรับลงมาอีก 0.1% ที่ระดับ 1.16505 ดอลลาร์/ยูโร

• ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 1.3105 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนทราบประชุมธนาคารกลางอังกฤษ โดยมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่าบีโออีจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตทางการเงิ

• ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าสหรัฐฯกำลังเล็งที่จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนอีก 25% เป็นมูลค่า 2 แสนล้าเหรียญจริง

ขณะที่นายโรเบิร์ต ไรท์ไฮเซอร์ ตัวแทนการค้าแห่งสหรัฐฯ ระบุว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯต้องการเปลี่ยนระดับภาษีนำเข้าจากเดิมที่ข่มขู่ไว้ที่ 10% เป็น 25% เป็นเพราะว่าทางจีนปฏิเสธที่จะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ และยังทำการตอบโต้ด้วยนโยบายขึ้นภาษี

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความกล่าวขอบคุณนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ ที่ได้ดำเนินการส่งคืนร่างทหารที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลีเมื่อปี 1950-1953 กลับสู่สหรัฐฯ พร้อมระบุว่าเขาต้องการที่จะพบกับนายคิมโดยตรงอีกครั้ง

• ผลสำรวจโดยหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเยอรมนี แสดงให้เห็นว่าบริษัทสัญชาติเยอรมนีที่ประกอบธุรกิจทั้งในสหรัฐฯและจีนต่างได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศ

โดยบริษัทเยอรมนีที่ตอบแบบสอบถามกว่า 41% ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงขึ้นจากการส่งออกสินค้าสู่สหรัฐฯ ขณะที่อีก 46% มีต้นทุนที่สูงขึ้นจากการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

• รายงานจากสถาบันพัฒนาและปฏิรูปแห่งประเทศจีน (NDRC) แสดงให้เห็นว่า รายรับของภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวและยอดขายบ้านที่อ่อนแอ เป็นปัจจัยการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศลง แม้จะมีคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากปัจจัยทางฤดูกาลสิ้นสุดล

ทั้งนี้ ยอดขายบ้านในประเทศจีนปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 สู่ระดับ 3.3% จากระดับ 16.1% ของปีก่อนหน้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน เช่นการซื้อเฟอนิเจอร์ เป็นต้น

• นายมาซาโยชิ อามามิยะ รองผู้ว่าบีโอเจ ยืนยันว่าทางบีโอเจจะเข้ามาควบคุมดูแล “อย่างรวดเร็วและเหมาะสม” ในกรณีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป

ถ้อยแถลงของรองผู้ว่าบีโอเจ เกิดขึ้นหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ท่ามกลางแรงเข้าซื้อจากเหล่านักลงทุน หลังบีโอเจประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งล่าสุด

• ธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี ถูกคาดว่าจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าจะเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจอังกฤษ

• ธนาคารกลางแห่งประเทศเม็กซิโก มีแนวโน้มที่จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางการแข็งค่าของเงินเปโซที่ทำให้แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อลดลงไป รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอ

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ร่วงลงเมื่อสองวันที่ผ่านมา หลังจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯและการกลับมากังวลเกี่ยวกับประเด็นทางสงครามทางการคต้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.2% ที่ระดับ 72.55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับร่วงลง 0.1% ที่ระดับ 67.72 เหรียญ/บาร์เรล

• ราคาน้ำมัน WTI ถูกกดดันลงมาจากปริมาณอุปทานน้ำมันที่ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การเริ่มลดเพดานจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกอาจช่วยให้ราคาน้ำมันเริ่มกลับมาทรงตัวได้ในเร็วๆนี้

WTI levels to watch

เนื่องจากราคาน้ำมัน WTI ได้หลุดระดับ $68 ลงมาอีกครั้ง ตลาดจึงจับตาไปที่ระดับ $67.00 ที่เป็นแนวรับสำคัญและน่าจะสามารถรองรับไม่ให้ราคาหลุดลงไปต่ำกว่านี้ได้ ขณะเดียวกัน ก็จะกลายเป็นฐานให้ราคาสามารถกลับขึ้นไปทดสอบระดับ $70.40 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสัปดาห์ก่อนอีกครั้ง ขณะที่เป้าหมายระยะยาวของทิศทางขาขึ้นยังคงอยู่ที่ระดับ $75.35 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ ขณะเดียวกัน หากราคาหลุดแนวรับสำคัญลงมา อาจมีแรงเทขายเข้ามากดดันจนราคาร่วงลงไปถึงระดับ $63.50 ได้

·       นักวิเคราะห์จาก DailyFX วิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวได้เหนือระดับแนวรับช่วงต้นเดือนก.พ. ซึ่งหากระดับวันปิดต่ำกว่า 66.6 เหรียญ/บาร์เรล มีโอกาสเห็นราคาน้ำมันดิบร่วงลงกลับทดสอบ 64.26 และ 63.96 เหรียญ/บาร์เรลได้ตามลำดับ ในทางกลับกัน หากราคารีบาวน์เหนือเส้น Fibonacci Expansion บริเวณ 71.52 เหรียญ/บาร์เรลได้ ก็มีโอกาสทดสอบระดับ 50% ที่ 72.89 เหรียญ/บาร์เรลเป็นลำดับต่อไป


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com