• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2561

    24 กรกฎาคม 2561 | Economic News
• ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.25% ก่อนที่นักลงทุนจะทราบการประกาศข้อมูลกิจกรรมภาคธุรกิจของยูโรโซน ประกอบกับความกังวลต่อ Trade War ระหว่างสหรัฐฯกับประเทศคู่ค้าที่ฉุดรั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดการเงิน

โดยในช่วงต้นตลาดซื้อขายลอนดอน ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลงไป 0.3% ที่ระดับ 1.1654 ดอลลาร์ยูโร หลังจากที่เมื่อวานนี้ไปทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์บริเวณ 1.1750 ดอลลาร์/ยูโร

ทางด้านค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 111.21 เยน/ดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินหลักอื่นๆ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าบีโอเจจะหารือถึงแนวทางการดำเนินนโยบายครั้งใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยอาจมีการหารือถึงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยและการเข้าซื้อหุ้น และนั่นได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นพุ่งขึ้น รวมทั้งเห็นเงินเยนแข็งค่า

ด้านค่าเงินหยวนมีการปรับอ่อนค่าวันนี้อีก 0.25% แตะระดับสุดรอบ 13 เดือน ที่ระดับ 6.8448 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ มิ.ย. ปี 2017

• รายงานจาก FXStreet ระบุว่า ดัชนีดอลลาร์ที่ปรับขึ้นมาบริเวณ 94.79 จุด จะมีระดับแนวต้านถัดที่ 94.81จุด หรือระดับสูงสุดเดิมเมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา และมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 95.53 จุด (สูงสุดเดิมเมื่อ 28 มิ.ย.) และแนวต้านสำคัญสุดท้ายที่ 95.65 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดของปีนี้ที่ทำไว้เมื่อ 19 ก.ค. ซึ่งในทางตรงข้าม หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้และหลุด 94.27 จุด ลงมา ซึ่งเป้นบริเวณเส้นค่าเฉลี่ยราย 55วัน-SMA ก็จะมีเป้าหมายที่ 94.21 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดเดิมเมื่อ 23 มิ.ย. และหากยังปรับลงต่อมีโอกาสเห็นราคาลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิมเมื่อ 9 ก.ค. บริเวณ 93.71 จุด

• ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวแบบ Sideways ตลอดช่วงวานนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์จาก FX Street ประเมินว่าเป็นการสะสมพลังใกล้เส้นค่าเฉลี่ยรายวัน 200 เพื่อหาจังหวะกลับขึ้นไปทดสอบแนว 1.1730-1.1740 อีกครั้ง

ตลาดยังคงมีมุมมองเกี่ยวกับค่าเงินยูโรในระยะสั้นเป็นขาขึ้น ซึ่งหากค่าเงินในตลาดวันนี้สามารถ Break แนว 1.1730-1.1740 ไปได้ แนวต้านถัดไปก็จะอยู่ที่บริเวณ 1.1760-1.795

สำหรับแนวรับวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ 1.1640-1.1649 และ 1.1600-1.1613 ถ้าหากค่าเงินหลุดแนวรับนี้ลงมา จะส่งผลให้ทิศทางขาขึ้นในระยะสั้นจบสิ้นลง

• ในวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC โดยระบุว่า เขาอาจปรับเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนให้มีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านเหรีญญในปีนี้ หากว่าจีนมีการหามาตรการตอบโต้

• เจ้าหน้าที่ตัวแทางทางการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า อาจได้ยินรายละเอียดการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นล้านเหรียญ ภายในวันที่ 24 และ 25 ก.ค. เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีที่จีนปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรมต่อภาคเทคโนโลยีและสินทรัพย์ทางปัญญา ซึ่งการประกาศดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 25% สู่มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านเหรียญ

• บรรดาบริษัทในสหรัฐฯ เริ่มมีการออกมาตรการใหม่ๆเพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก Trade war ระหว่างสหรัฐฯและจีน ภายใต้การตอบโต้กันด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ

โดยล่าสุด นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่าทีมบริหารของเขาพร้อมที่จะประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็นมูลค่าอีก 5 แสนล้านเหรียญ

• ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ข้อมูลภาคธุรกิจยูโรโซนชะลอตัวลงเกินคาดในเดือนนี้ ท่ามกลางความกังวลต่อ Trade War จากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับการขยายตัวทั่วโลกอ่อนตัวลงที่ดูเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวที่สดใส

อย่างไรก็ดี ข้อมูลการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนยังเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง จากการเพิ่มขึ้นของราคา และผลสำรวจล่าสุดก็ดูจะไม่เป็นอุปสรรคหรือสร้างความกังวลให้แก่อีซีบีที่มีแนวโน้มจะเริ่มถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

สถาบัน IHS Markit เผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางเศรษฐกิจยูโรโซนในเกณฑ์ที่ดี แม้จะอ่อนตัวลงจากระดับ 54.9 จุด มาที่ระดับ 54.3 จุดในเดือนนี้ หรือต่ำกว่าที่คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 54.8 จุด แต่ภาพรวมการยืนเหนือระดับ 50 จุด ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงทิศทางการขยายตัว

• รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี เผยว่า ยุโรปจะไม่ยอมอ่อนข้อต่อท่าทีคุกคามทางการค้าจากสหรัฐฯ และมีความต้องการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะที่ นายฌ็อง คลอด-จุงเกอร์ ประธานกรรมาธิการอียู มีกำหนดการจะเข้าพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯเพื่อหารือถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของยุโรป และรวมถึงมาตรการการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ยุโรปในสัปดาห์นี้

• ภาพถ่ายทางดาวเทียมของรัฐบาลสหรัฐฯบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังดำเนินการรื้อถอนสถานที่สำหรับพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธแหล่งสำคัญ จึงนับเป็นความคืบหน้าสำคัญในการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐฯ

• รัฐบาลอิหร่านประกาศจะตอบโต้สหรัฐฯด้วยมาตรการที่เท่าเทียมกัน หากสหรัฐฯทำการกีดกันการส่งออกน้ำมันจากอิหร่าน ขณะที่ตัวแทนทางการทูตจากสหรัฐฯกำลังดำเนินการกดดันหลายๆประเทศเพื่อขอความร่วมมือในการกีดกันการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน

• ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผสมผสาน ท่ามกลางน้ำมันดิบ Brent ที่ฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับภาวะสงครามทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน รวมทั้งสัญญาณของภาวะอุปทานในตลาด

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 6 เซนต์ ที่ระดับ 73.12 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลง 3 เซนต์ที่บริเวณ 67.86 เหรียญ/บาร์เรล

• ราคาน้ำมัน WTI เมื่อวานนี้พยายาม Break แนว 69.00 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งที่ 3 แต่ไม่สำเร็จ และเผชิญกับแรงเทขายกลับลงมาอีกครั้ง

FX Street ประเมินว่า ราคากลับมามีสัญญาณของทิศทางขาลงในระยะสั้นอีกครั้ง โดยจะมีแนวรับแรกที่ 66.53 เหรียญ/บาร์เรล หรืออาจต่ำกว่าแนวนี้

ขณะที่แนวต้านของราคาจะยังคงอยู่ที่ระดับ 69.00 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งหากราคาสามารถทรงตัวเหนือ 67.72 เหรียญ/บาร์เรลในวันนี้ได้ ก็มีโอกาสที่ราคาจะกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้งหนึ่ง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com