• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2561

    24 กรกฎาคม 2561 | Economic News

• ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวในทิศทางแข็งค่า เพราะได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.22% มาที่ 94.643 จุด ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.24% ไปที่ 1.169 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าไปทำระดับสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 110.74 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะปรับแข็งค่าลงมาที่ 111.41 เยน/ดอลลาร์

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯพุ่งขึ้นจากกลุ่มนักลงทุนที่คาดหวังว่าเฟดจะยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่จะปรับตัวขึ้น แม้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินนโยบายของเฟด ขณะที่บีโอเจมีแนวโน้มจะปรบนโยบายกระตุ้นทางการเงิน จึงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีความกังวลจากนโยบายกีดกันทางการค้าที่เพิ่มมากขึ้น แต่บรรดาสมาชิกธนาคารกลางก็มีแนวโน้มจะเดินหน้าต่อท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่มาสนับสนุนการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดรอบเดือนนี้ที่ 2.9615%

• ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐฯประจำเดือนมิ.ย. ปรับตัวลดลงเกินคาดประมาณ 0.6% ที่ระดับ 5.38 ล้านยูนิต จากเดิมที่ระดับ 5.41 ล้านยูนิต และเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 จากภาวะการขาดแคลนที่ดินจึงทำให้ราคาบ้านในตลาดปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

• นักวิเคราะห์หลายฝ่าย มองว่า ผลประกอบการของบริษัท ฮาร์เลย์-เดวิดสัน (Harley-Davidson Inc) จะได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าและการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์

• ตัวแทนการค้าสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯอาจเปิดเผยต่อสาธารณชนในวันที่ 24 และ 25 ก.ค. นี้เกี่ยวกับรายการเรียกเก็บสินค้านำเข้าจากจีนอีก 1.6 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อตอบโต้การกระทำของจีนที่มีการปฏิบัติทางการค้าอย่างไม่ยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเทคโนโลยี หรือสินทรัพย์ทางปัญญา ซึ่งเป็นการเรียกเก็บเพิ่มหลังจากที่ได้ประกาศเรียกเก็บไป 3.4 หมื่นล้านเหรียญในช่วงก่อนหน้า ทำให้จีนจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้ารวมเป็น 5 หมื่นล้านเหรียญ

• รัฐบาลจีนประกาศเริ่มต้นตรวจสอบการนำเข้าเหล็กจากยุโรป, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และอินโดนีเซีย รวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ เพื่อป้องกันการทุ่มตลาดจากบรรดาผู้ประกอบการที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมได้

• นายสี จิ้งผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนสาธารณรัฐเซเนกัล ในทวีปแอฟริกาฝั่งตะวันตก เพื่อเจรจากับผู้นำประเทศเกี่ยวกับการลงนามร่วมกันในสัญญาโครงการเส้นทางสายไหม (Belt and Road Initiative) ซึ่งการเจรจาประสบผลสำเร็จได้ด้วยดี ทั้งนี้ สาธารณรัฐเซเนกัลเป็นประเทศแรกในแอฟริกาตะวันตกที่ร่วมลงนามในโครงการเส้นทางสายไหมกับจีน ก่อนที่นายจิ้นผิงจะเดินทางไปเยือนประเทศอื่นๆในแอฟริกาฝั่งตะวันตกต่อไป

• รายงานจาก IMF ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อประเทศเวเนซูเอล่ามีแนวโน้มจะขยายตัวได้สูงสุด 1,000,000 เปอร์เซ็นต์ในปี 2018 อันจะส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวิกฤตเงินเฟ้อที่ย่ำแย่ที่สุด

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ท่ามกลางนักลงทุนที่กลับมาวิตกกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด โดยน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 1 เซนต์ ที่ระดับ 73.06 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบWTI ปิดลง 37 เซนต์ ที่ระดับ 67.89 เหรียญ/บาร์เรล โดยลดลงจากระดับสูงสุดบริเวณ 69.31 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com