• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 กรกฎาคม 2561

    20 กรกฎาคม 2561 | Economic News

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความไม่พอใจต่อเฟดรวมทั้งนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยระบุว่า เฟดอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายทรัมป์ เกิดขึ้นหลังจากที่นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟดได้กล่าวแถลงการณ์การดำเนินนโยบายครึ่งปีในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนายทรัมป์ กล่วว่า เขาไม่รู้สึกยินดีต่อการทำงานของเฟด เนื่องจากทุกครั้งที่เศรษฐกิจปรับตัวขึ้น เฟดก็ต้องการขึ้นดอกเบี้ยอีก และนั่นเป็นประเด็นที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจนัก แต่ก็ปล่อยให้ทำตามสิ่งที่เฟดคิดว่าดีที่สุด แม้ว่าการดำเนินงานของเฟดจะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่นายทรัมป์และทีมบริหารดำเนินการ

ขณะที่การที่ประธานเฟดส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ นายทรัมป์มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมสำหรับเวลานี้ เพราะจะทำสหรัฐฯเสียเปรียบประเทศยุโรป และญี่ปุ่น ท่ามกลางธนาคารของทั้ง 2 แห่งยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

• นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ อดีตประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวหลังฟังการวิพากษ์วิจารณ์ของนายทรัมป์ โดยหนุนให้นายโพเวลล์เดินหน้าดำเนินการตามที่เฟดเห็นสมควรจะดำเนินการโดยไม่ต้องสนใจคำตำหนิของนายทรัมป์ เพราะหากเป็นเขา เขาก็เชื่อว่าเขาเองจะทำเช่นเดียวกับนายโพเวลล์เช่นกัน

• นายเจอรี่ โอ ดริสคอล อดีตประธานเฟดและรองประธานเฟด ระบุว่า การที่นายทรัมป์หาว่าเฟดมีท่าทีคุมเข้มทางการเงินมากไปในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นเรื่องเกินจริง เนื่องจากเฟดดำเนินงานตามสมควรและมีท่าทีระมัดระวังต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคำนึงถึงอัตรา Yield Curve และการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น จึงไม่เห็นว่าตรงไหนที่ดูเหมือนเฟดมีท่าทีคุมเข้มทางการเงินมากไป

• ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงหลังจากที่ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 1 ปีเมื่อวานนี้ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่ตลาดผิดหวังต่อราคางานผลประกอบการเมื่อคืนนี้ และความตึงเครียดทางการค้าที่ดูจะยังกดดันตลาดหุ้น

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 95.208 จุด หลังจากที่เมื่อวานนี้ทะยานขึ้นไปทำ High บริเวณ 95.652 จุด ทางด้านยูโรทรงตัวที่ 1.1637 ดอลลาร์/ยูโร

• ตลาดการเงินตอบรับกับข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯที่ปรับตัวลงเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 48 ปีครึ่ง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับขึ้นแตะ 2.8417% แต่ก็ลดลงจากคืนวันพุธที่ 2.875%

• ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 207,000 ราย โดยลดลงจากข้อมูลในสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 8,000 ราย และถือเป็นระดับที่มีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานน้อยที่สุดในรอบกว่า 48 ปีครึ่ง จึงยังสะท้อนถึงภาวะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง แต่ภาวะตึงเครียดทางการค้าก็น่าจะยังเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ ขณะที่ผลสำรวจจากเฟดสาขาฟิลาเดเฟียก็ยังสะท้อนว่ากิจกรรมภาคการผลิตนั้นยังคงแข็งแรง

• ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากบรรดาผู้ผลิตรถยนต์และตัวแทนรัฐบาลของต่างประเทศ หลังจากที่ทีมบริหารได้มีการส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นภาษีนำเข้า 25% สำหรับรถยนต์และอะไหล่รถยนต์จากต่างประเทศ ที่อาจทำให้ราคาของรถยนต์ทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น รวมถึงส่งผลกระทบต่อยอดขายและการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม

ทางด้านตัวแทนจากทีมบริหารได้ออกมาส่งสัญญาณว่านโยบายภาษีรถยนต์เป็นหนึ่งแผนการดำเนินงานเพื่อผลักดันให้การเจรจา NAFTA สามารถลุล่วงไปได้ พร้อมเตือนว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องการให้นโยบายขึ้นภาษีรถยนต์มีผลบังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งกลางวาระในเดือน พ.ย.

• บรรดาผู้นำทางด้านการเงินของกลุ่มประเทศ G20 กำลังจะมีการประชุมขึ้นภายในวันศุกร์และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ณ นครปกครองตนเองบัวโนสไอเรส ภายในประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ร่วมกันครั้งแรกหลังจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนได้รุกรามจนเกิดเป็นการประกาศขึ้นภาษีมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญของแต่ละฝ่าย

โดยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งสหรัฐฯ จะพยายามขอความร่วมมือจากญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป เพื่อช่วยกันกดดันจีนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นในที่ประชุม

อย่างไรก็ตาม ความพยายามขอความร่วมมือน่าจะไม่สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นนัก เนื่องจากความพึงพอใจของยุโรปและแคนาดาที่มีต่อนโยบายขึ้นภาษีเหล็กแหละอลูมิเนียมของสหรัฐฯ จนทำให้เกิดนโยบายตอบโต้สหรัฐฯด้วยขึ้นภาษีเช่นเดียวกัน

• หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฮลซินกิ “Helsinki” ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันในทางอาวุธ ล่าสุดรัสเซียก็มีการเปิดเผยวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงการทดสอบการจัดการครั้งใหม่ต่ออาวุธนิวเคลียร์และอาวุธยุทโธปกรณ์

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเชิญชวนให้นายวลาดิเมีย ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางมาเยือนสหรัฐฯภายในช่วงไตรมาสนี้ ท่ามกลางความไม่พึงพอใจจากสมาชิกรัฐสภาเนื่องจากนายทรัมป์ปฏิเสธที่จะกดดันนายปูตินเกี่ยวกับกรณีที่รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งปี 2016 ในประชุมร่วมกันระหว่างผู้นำทั้ง 2 ที่ประเทศฟินแลนด์ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

• ผลสำรวจจากรอยเตอร์ส พบว่า กว่า 40% ของภาคธุรกิจในญี่ปุ่นเชื่อว่าจะใช้เวลากว่า 3 ปีที่บีโอเจจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของภาวะอุปทานน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ในช่วงต้นตลาดจากถ้อยแถลงของซาอุดิอาระเบียที่ว่าปริมาณส่งออกน้ำมันดิบอาจลดลงในเดือนส.ค. ประมาณ 100,000 บาร์เรล/วัน เพื่อจำกัดการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป

น้ำมันดิบ WTI ปิด ปิดปรับขึ้น 70 เซนต์ คิดเป็น +1% ที่ระดับ 69.46 เหรียญ/บาร์เรล โดยระหว่างวันขึ้นไปทำ High ที่ 70.17 เหรียญ/บาร์เรล ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับลง 32 เซนต์ ที่ระดับ 72.58 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากไปทำ High ที่ระดับ 73.79 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com