• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 4 กรกฎาคม 2561

    4 กรกฎาคม 2561 | Economic News

·         ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด Independence Day ของสหรัฐฯในวันนี้ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางและกลุ่มนักลงทุนที่มีการปรับสถานะหลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่กลุ่มนักลงทุนก็เริ่มลดความสนใจต่อประเด็นข้อขัดแย้งทางการค้า จึงทำให้เราเห็นถึงความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ค่าเงินยูโรและออสเตรเลียดอลลาร์ ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เผยจะจับตาผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และพร้อมหาแนวทางการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม


ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.4% ที่ระดับ 94.604 จุด หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือน ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยรายงานประชุมเฟดเดือนมิ.ย. และข้อมูลNon-Farm Payrolls คืนวันศุกร์นี้ ว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งในปีนี้หรือไม่


ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลของเยอรมนีมีท่าทีคุกคามต่อนางอังเกลาร์ แมร์เคล ลดลง โดยค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.2% มาที่ 1.1655 ดอลลาร์/ยูโร

·         หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอีซีบีแสดงความเชื่อมั่นว่า เงินเฟ้อยูโรโซนจะยังขยายตัวได้อย่างรวดเร็วบรรลุเป้าหมายของอีซีบีที่ระดับ 2หลังจากที่อีซีบีตัดสินใจยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตร โดยที่อีซีบี คาดหวังว่าเงินเฟ้อปีนี้จะแตะระดับ 1.7%

·         ตัวแทนจากรัฐบาลจีนกำลังเรียกร้องขอความร่วมมือจากสหภาพยุโรปให้ร่วมกันต่อต้านนโยบายการค้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้าการประชุมระหว่างจีนและยุโรปที่จะเกิดขึ้นภายในกรุงปักกิ่ง ของประเทศจีน ในวันที่ 16-17 เดือนนี้ แต่ดูเหมือนทางสหภาพยุโรปจะยังคงตอบปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว

ทั้งนี้ ตัวแทนจากสหภาพยุโรปและรัฐบาลจีนที่ประกอบไปด้วยนายหลิว อี้ รองนายกรัฐมนตรีจีน และนายหวัง อี้ เอกอัครราชทูตจีน ได้เรียกร้องขอความร่วมมือจากตัวแทนของยุโรป เพื่อเปิดกว้างตลาดจีนให้กับทั่วโลก รวมถึงต่อต้านนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

·         สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันแห่งสหรัฐฯ ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะเดินทางมายังสหรัฐฯ ให้มีความระมัดระวังเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลที่แพง การกราดยิงในที่ชุมชน การโจรกรรม รวมไปถึงภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นจดหมายเตือนฉบับล่าสุดจากสถานทูตจีนในสหรัฐฯที่ถูกเขียนขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศที่กำลังขยายความรุนยิ่งขึ้น

·         ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศยกเลิกนโยบายของรัฐบาลโอบามาที่สนับสนุนให้สถานศึกษาเปิดรับนักศึกษาจากหลากหลายสัญชาติเพื่อความหลากหลายทางด้านเผ่าพันธ์ในสถานศึกษาของสหรัฐฯ

·         รายงานกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่สหรัฐฯมียอดขายเดือนมิ.ย.ที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงมีการเข้าซื้อรถจักรยานยนต์และรถบรรทุกจำนวนมาก แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และความตึงเครียดทางการค้า

·         ราคาน้ำมันดิบปิดปรับขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่เผชิญภาวะผันผวนในช่วงก่อนหน้า โดยน้ำมันดิบ WIT ปรับขึ้นไปเหนือ 75 เหรียญ/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวแดนลบ โดยปิดตลาดปรับขึ้นเล็กน้อย 20 เซนต์ ที่ระดับ 74.14 เหรียญ/บาร์เรล หลังลงไปทำระดับต่ำสุดบริเวณ 72.73 เหรียญ/บาร์เรล และระหว่างวันทำสูงสุดบริเวณ 75.27 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง


ทางด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 46 เซนต์ ที่ระดับ 77.76 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดที่ 76.67 เหรียญ/บาร์เรล และทำระดับสูงสุดบริเวณ 78.85 เหรียญ/บาร์เรล


อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบช่วงต้นตลาดมีความกังวลต่อภาวะอุปทาน ประกอบกับการร่วงลงของราคาจากการปิดสถานะทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนก่อนเข้าสู่วันหยุดวันประกาศอิสรภาพ 4 ก.ค. ของสหรัฐฯ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com