• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 28 มิถุนายน 2561

    28 มิถุนายน 2561 | Economic News

·         ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 95.266 จุด หลังจากที่สามารถปรับแข็งค่าขึ้นมาได้ 0.65% เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยค่าเงินทรงตัวท่ามกลางความสับสนเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายควบคุมการลงทุนจากชาวจีนของรัฐบาลสหรัฐฯ

โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สามารถปรับแข็งค่าขึ้นได้หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้มสำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายในสหรัฐฯจากบริษัทชาวจีน ซึ่งเป็นท่าทีที่ค่อนข้างเบาบางกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม นายแลรี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า นายทรัมป์ยังคงไม่มีแนวคิดที่จะผ่อนคลายให้กับประเทศจีนแต่อย่างใด จึงส่งผลให้เกิดความสับสนในตลาด และกดดันหุ้นสหรัฐฯให้ปรับลดลงมา

ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินเยน ทรงตัวที่บริเวณ 110.23 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 110.49 เยน/ดอลลาร์ เมื่อคืนนี้ ก่อหน้าการให้สัมภาษณ์ของนายคุดโลว์

ส่วนค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นบริเวณ 1.1567 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากอ่อนค่าลง 0.8% เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในเยอรมนี

·         นักวิเคราะห์จาก DailyFX ชี้ว่า ค่าเงินยูโร/ดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวได้เหนือระดับต่ำสุดของปีนี้ โดยราคามีการเคลื่อนไหวแถวระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci Extension 38.2% ที่ระดับ 1.1507 ดอลลาร์/ยูโร แต่หากหลุดลงมาราคาก็มีโอกาสกลับลงมาได้อีกครั้ง ขณะที่แนวต้าน ณ ขณะนี้เคยเป็นแนวรับเดิมเมื่อเดือนพ.ย. และธ.ค. ปี 2017 บริเวณ 1.1718 ดอลลาร์/ยูโร และภาพระยะยาวของค่าเงินยูโรตอนนี้ส่งสัญญาณเป็นทิศทางขาลง โดยมีระดับเป้าหมายแรกของเส้น Fibonacci Extension ที่ระดับ 1.1400 ดอลลาร์/ยูโร แต่หากยูโรดีดกลับเหนือแนวต้านได้ ระดับแนวต้านเป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่ระดับ 1.1852 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมเมื่อ 14 มิ.ย.

·         ค่าเงินหยวนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้อ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบเดือน ธ.ค. ของปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณืว่ารัฐบาลจีนอาจจงใจลดมูลค่าของเงินหยวนลงเพื่อใช้เป็นกลยุทธ์ต่อกรกับการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ


อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ได้ประเมินว่า โอกาสที่ทางการจีนจะดำเนินการเช่นนั้นจริงมอยู่ต่ำมาก และการที่ค่าเงินหยวนเคลื่อนตัวต่ำลงในช่วงนี้ อาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

ทั้งนี้ จีนมักจะถูกสหรัฐฯกล่าวหาเป็นประจำว่า รัฐบาลจงใจลดมูลค่าของสกุลเงินหยวนลง เพื่อให้สินค้าภายในประเทศจีนมีราคาที่ต่ำลงและดึงดูดต่างชาติที่มีค่าเงินสูงกว่าให้เข้ามาอุดหนุนสินค้าจีน แม้ในปีนี้ทีมบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯจะไม่มีการกล่าวหาจีนเช่นนั้น ส่วนในภาพรวมรายปี 2018 ของเงินหยวน ถือได้ว่าค่อนข้างทรงตัว

·         นายโรเบิร์ต ชิลเลอร์ นักเศรษฐกิจศาสตร์รางวัลโนเบล ประเมินว่านโยบายภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะคงอยู่ได้ไม่นาน เนื่องจากมันเป็นนโยบายที่ สิ้นคิดและสร้างความโกรธาให้กับทั่วโลกมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นยบายที่ไม่ยั่งยื

·         ถึงแม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประกาศคุมเข้มการลงทุนจากชาวจีนด้วยมาตรการที่ค่อนข้างเบาบางกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่สหรัฐฯก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะกีดกันการลงทุนจากจีน โดยเฉพาะกับธุรกิจเทคโนโลยี

โดยเดิมที ตลาดคาดการณ์ว่านายทรัมป์อาจประกาศห้ามชาวจีนเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯแบบเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นมาตรการที่แข็งกร้าวที่สุดตามที่หลายๆฝ่ายกังวล ขณะที่มาตรการที่ประกาศจริงเมื่อคืนนี้ คือการคุมเข้มสำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายในสหรัฐฯจากบริษัทชาวจีนเท่านั้น

ทั้งนี้ แนวโน้มต่อไปเกี่ยวกับการควบคุมการลงทุนจากจีนจะขึ้นอยู่กับทางสภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯว่าจะมีการปฏิรูประบบภายในเกี่ยวกับการตรวจสอบและอนุมัติธุรการใดๆที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ รวมถึงการขนส่งเทคโนโลยีใดๆที่มีความสำคัญ ในอนาคตหรือไม่

·         รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน เปิดเผยว่ารัฐบาลจีนกำลังจับตาการลงทุนจากสหรัฐฯภายในประเทศจีนอยู่ พร้อมระบุว่าทางการจีนไม่เห็นด้วยกับการอ้างถึงความมั่นคงของประเทศมากีดกันการลงทุนจากต่างชาติ

·         ยอดค้าปลีกในประเทศญี่ปุ่นชะลอตัวในเดือน พ.ค. สู่ระดับ 0.6% ในภาพรวมเฉลี่ยรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 7 เดือน ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจชะลอตัวจากผลกระทบของการค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 1/2018

·         นายฟิลลิป แฮมมอนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งอังกฤษ เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนยินยอมที่จะยกเลิกการห้ามนำเข้าเนื้อหมูจากประเทศอังกฤษ ที่ถูกสั่งห้ามมาตั้งแต่สมัยวิกฤติทางการเงินในช่วงปี 1990 ภายหลังจากการเดินทางเยือนประเทศจีนของเขา

อย่างไรก็ตาม การยินยอมดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางสำหรับการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ประเทศเพื่อการแก้ไขสัญญาการค้าเท่านั้น ซึ่งกระบวนการดังกล่าวส่วนใหญ่อาจใช้เวลาถึง 3 ปี

·         โพลสำรวจแนวโน้มการเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโกล่าสุดโดย Reuters แสดงให้เห็นว่าใน นายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำพรรคโมเรนาฝ่ายซ้าย มีคะแนนความนิยมนำมาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 32% ทิ้งห่างอันดับ 2 ซึ่งก็คือนายโฮเซ แอนโตนิโอ มีเด แห่งพรรคปฏิวัติสถาบัน ที่มีคะแนน 22%

·         นายเรเจ็ป ไตยิป เอร์โดอัน ประธานาธิบดีตุรกี และพรรคพันธมิตรในรัฐบาล ได้ตกลงกันที่จะไม่ขยายระยะเวลาของภาวะฉุกเฉินที่กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ค. นี้

ทั้งนี้ รัฐบาลตุรกีได้ประกาศให้ประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉินนับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2016 ที่การพยายามก่อรัฐประหารขึ้น และได้ขยายระยะเวลามาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

 ·         การเติบโตของภาคการผลิตในประเทศจีนถูกคาดการณ์ว่าจะชะลอตัวเล็กน้อยในเดือน มิ.ย. หลังจากที่สามารถขยายตัวได้ผิดคาดในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกับยอดผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรม จึงอาจผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนลงไปได้บางส่วน

ทั้งนี้ ภาคการผลิตของประเทศจีนมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 6 ก.ค. นี้

·         ความพยายามในการก่อตั้งพรรคร่วมรัฐบาลของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีโอกาสประสบความล้มเหลว หลังพรรคพันธมิตร CSU ข่มขู่จะไม่ให้การสนับสนุนนางแมร์เคิล หากข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการควบคุมจำนวนผู้อพยพในเยอรมนีของพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนอง

·         นายจิม แมททิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐฯ ยืนยันว่ากองทัพสหรัฐฯจะยังคงจำนวนทหารที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ไว้ดังเดิม แม้จะประกาศยกเลิกการซ้อมรบร่วมกับทางเกาหลีใต้ตามคำเรียกร้องของเกาหลีเหนือไปแล้วก็ตาม

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง ท่ามกลางปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของรัสเซีย สหรัฐฯ และ ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่มีความกังวลว่าอาจจะมีอุปทานลดลงจากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ท่ามกลางภาวะอุปสงค์ที่อยู่ระดับสูงจึงอาจจะกดดันราคาน้ำมันดิบได้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 0.5% ที่ระดับ 72.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 0.3% ที่บริเวณ 77.40 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com