• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 มิถุนายน 2561

    19 มิถุนายน 2561 | Economic News
·         ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนและสวิสฟรังก์ หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% ขณะที่ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ระดับ 6.4490 หยวน/ดอลลาร์ 
ค่าเงินแข็งค่าขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 109.64 เยน/ดอลลาร์ ด้านค่าเงินยูโรรีบาวน์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 1.623 ดอลลาร์/ยูโร หลังลงไปทำระดับต่ำสุดที่ 1.1541 ดอลลาร์/ยูโรเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ข่มขู่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% สำหรับสินค้ากลุ่มที่มูลค่านำเข้ารวมกว่า 2 แสนล้านเหรียญ ส่งผลให้ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศยังคงไม่มีท่าทีจะยุติลงง่ายๆ

โดยนายทรัมป์ระบุว่า การขุ่มขู่จะขึ้นภาษีอีก 10% ครั้งนี้ เป็นการต่อต้านที่ทางการจีนประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีจีนเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

·         นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศจีนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้สร้างผลกระทบในเชิงลบต่อเกษตรกรสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าอย่างแอปเปิ้ล เมล็ดถั่วเหลือง และข้าวโพด เนื่องจากจีนถือเป็นคู่ค่าหลักของสินค้ากลุ่มดังกล่าว

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Ohio State University คาดการณ์ว่า นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะส่งผลให้เกษตรกรในรัฐโอไฮโอสูญเสียรายได้จากการส่งออกข้าวโพดลงไปกว่า 30%ในปี 2018 และถ้าหากนโยบายภาษียังมีผลต่อไป รัฐโอไฮโอก็มีโอกาสสูญเสียรายได้ไปกว่า 63% ภายในปี 2019

·         รายงานจากสื่อจีนกล่าวตำหนิแผนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีแผนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 25% คิดเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญ โดยสื่อจีนแสดงความคิดเห็นต่อนายทรัมป์ว่า คนฉลาดจะสร้างสะพาน แต่คนโง่จะสร้างกำแพง

หลังจากที่วันศุกร์ นายทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพื่อเป็นบทลงโทษต่อการขโมยหรือละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ขณะที่จีนประกาศจะทำการตอบโต้มาตรการดังกล่าว ด้วยการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้า 659 รายการของสหรัฐฯอีก 25% คิดเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญเช่นกัน

และประเด็น Trade War ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่นั้นปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ สื่อจีนรายงานว่า จีนมีการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับสินค้าทางการเกษตรรถยนต์ และสินค้าในกลุ่มการเดินเรือโดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ค. เป็นต้นไป ขณะที่การเรียกเก็บสินค้าอื่นๆจากสหรัฐฯน่าจะประกาศในอีกไม่กี่วันนี้

·         นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เดินทางมาถึงประเทศจีนแล้วในวันนี้ และจะพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อรายงานรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมร่วมกันระหว่างนายคิมและนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการสหรัฐฯและเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะระงับการซ้อมรบร่วมกัน

สำนักข่าวของจีนเปิดเผยว่านายคิมจะพักอยู่ในประเทศจีนแค่ 2 วันก่อนที่จะเดินทางออกจากประเทศ ขณะที่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด  

·         รัฐบาลจีนเตรียมประกาศเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินการเปิดกว้างตลาดจีนและผ่อนคลายกฏระเบียบสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ

·         รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีน กล่าวว่า จะดำเนินมาตรการตอบโต้สหรัฐฯหากสหรัฐฯยังคงเดินหน้าลงโทษจีนด้วยการเพิ่มรายการสินค้าภาษีนำเข้าสินค้า

ทั้งนี้ จีนจะทำการปกป้องผลประโยชน์ ด้วยมาตรการ QE และมาตรการตอบโต้อื่นๆ หากถูกคุกคามทางการค้า ซึ่งทางการจีนได้กล่าวเตือนว่า การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าครั้งใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ อาจส่งผลให้ภาคบริษัทต่างๆ และประชาชนของทั้งสองประเทศนั้นได้รับผลกระทบเชิงลบไปด้วย

·         หัวหน้ากลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในญี่ปุ่น แสดงท่าทีวิตกกังวลต่อข้อขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่อาจนำไปสู่ ความเสียหาย” ต่อภาคการค้าทั่วโลก และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างสูง หากว่าข้อขัดแย้งทางการค้านี้ทวีความรุนแรงขึ้นและทำให้เกิดการเรียกเก็บภาษีจำนวนมากๆ และนี่เป็นปัญหาใหญ่หากว่าข้อตกลงทางการค้าโลกอย่าง WTO ไม่สามารถควบคุมได้

ขณะที่นายทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านเหรียญ และนี่จึงเป็นปัญหา Trade War ระหว่างสหรัฐฯและจีน

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 1% จากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดโลกจำนวนมาก

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 0.9ที่ระดับ 74.69 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 0.9% เช่นเดียวกัน ที่บริเวณ 65.24 เหรียญ/บาร์เรล
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com