• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 มิถุนายน 2561

    14 มิถุนายน 2561 | Economic News
 

·         สรุปผลประชุมเฟด

สรุปผลประชุมเฟด 12-13 มิ.ย. พบว่า เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดจาก 1.75% สู่ระดับ 2%  โดยจะยังคงนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจเป็นไปค่อนข้างดี โดยประชาชนในประเทศมีความต้องการหางานมากขึ้นและตำแหน่งงานก็เปิดรับเพื่อรอพวกเขา ขณะที่อัตราว่างงานและเงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ แต่ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจยังขยายตัวได้เป็นอย่างดี พร้อมส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อจะขยับขึ้นเหนือเป้าหมาย 2% ในช่วงปี 2020


ขณะที่รายงาน Fed Projection สะท้อนถึงสัญญาณทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ โดยบ่งชี้ว่าเฟดจะทำการขึ้นดอกเบี้ยได้อีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ (รวม 4 ครั้งในปีนี้) หลังจากคาดการณ์ในเดือนมี.ค. บ่งชี้ว่าหากเฟดปรับขึ้นครั้งนี้แล้ว จะขึ้นได้อีก 1 ครั้ง หรือคิดเป็นจำนวนรวม 3 ครั้งในปีนี้


อย่างไรก็ดี ในรายงานดังกล่าว เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจเล็กน้อยโดยมองปีนี้จะขยายตัวได้ 2.8% และปีหน้าคาดจะอยู่ที่ระดับ 2.4% ขณะที่มองว่าเงินเฟ้อจะแตะ 2.1% ได้ในปีนี้จนถึงปี 2020


ขณะที่อัตราว่างงานในปัจจุบันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปีที่ระดับ 3.8% และคาดว่าปีนี้จะเห็นที่ระดับ 3.6% โดยดีขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่มองว่าภาพรวมอัตราว่างงานปีนี้จะอยู่ที่ 3.8% โดยเฟดยังมองว่าภาคแรงงานยังมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวขึ้น และการลงทุนในสิทรัพย์ถาวรก็ดูจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง


สำหรับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เฟดยังคงคาดการณ์เดิม แต่อาจเห็นในปี 2020 ที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาที่ 3.4% ก่อนจะค่อยๆปรับลงมาที่ 2.9%

·         ผลสำรวจภาคธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ และปรับขึ้นจำนวน 3 ครั้งในปี 2019 ท่ามกลางความมั่นใจของเฟดที่มีต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยในช่วงสิ้นปีนี้ภาคธนาคารขนาดใหญ่กว่า 23 แห่งเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะอยู่ที่ 2.25 – 2.5และปีหน้าจะมีกรอบการขึ้นดอกเบี้ยที่ 3.00 – 3.25%


·         ดัชนีราคาผู้ผลิตหรือ PPI สหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 0.5 ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวที่เพิ่มมากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง จึงยังตอกย้ำถึงภาวะการขยายตัวของเงินเฟ้อในกลุ่มผู้ผลิตที่ยังขยายตัวได้ในระดับปานกลาง โดยภาพรวมในช่วง 1 ปีจนถึงเดือนพ.ค. ดัชนี PPI ขยายตัวได้ 3.1ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ม.ค. ปี 2012 ขณะที่เมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือนเม.ย. ขยายตัวได้เพียง 2.6%

สำหรับ Core PPI หรือดัชนีที่ไม่รวมภาคอาหาร พลังงาน และการบริการขยายตัวได้ 0.3จากเดิมที่ 0.2% ส่งผลให้ภาพรวมช่วง 1 ปีที่นับรวมถึงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา Core PPI ขยายตัวได้ 2.6เทียบกับรายปีเดือนก่อนหน้าที่ขยายได้ 2.5%

·         ค่าเงินดอลลาร์ปิดปรับตัวขึ้นได้ปานกลาง ขณะที่เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นไปทำ High มากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์ ท่ามกลางสมาชิกเฟดที่มีแนวโน้มจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้อีก 2 ข้าง หรือรวมเป็น 4 ครั้งในปีนี้ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง

ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 110.5 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์บริเวณ 110.84 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ทราบรายงานผลประชุมเฟด ขณะที่ค่าเงินยูโรปิด -0.44% ที่ระดับ 1.1795 ดอลลาร์/ยูโร และดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 93.495 จุด


โดยเหล่าเทรดเดอร์บางส่วนคาดว่า อีซีบี อาจส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะเริ่มการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรจำนวน 2.55 ล้านยูโร (3 ล้านล้านเหรียญ) ภายในปีนี้ ขณะที่เทรดเดอร์บางส่วนมองว่าอีซีบีอาจจะยังไม่ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงใดๆ เนื่องจากสถานะทางการเมืองของอิตาลียังคงเปราะบาง และข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซนบางส่วนยังคงอ่อนแอ

·        รายงานข่าวจากหลายสำนัก ระบุว่า อีซีบีน่าจะทำการหารือถึงกรอบเวลาในการสิ้นสุด QE ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งอาจเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของฝั่งยุโรปในการสิ้นสุดยุคการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อให้เศรษฐกิจยูโรโซนหลุดพ้นจากภาวะถดถอย

·         ความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯและจีนรวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ดูจะยิ่งตกต่ำลงหลังจากที่มีกระแสคาดการณ์ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะฉีกสนธิสัญญาNAFTA กับแคนาดาและเม็กซิโก เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างนายทรัมป์และนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ในที่ประชุม G-7 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ไม่พึงพอใจนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของนายทรัมป์ และยืนยันว่าจะมีนโยบายออกมาตอบโต้สหรัฐฯ

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าเกาหลีเหนือไม่ได้เป็นภัยทางนิวเคลียร์ต่อความมั่นคงโลกอีกต่อไป หลังจากการประชุมสุดยอดร่วมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ เริ่มคาดหวังว่าเกาหลีเหนือจะเริ่มทยอยปลดอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาในอนาคตอันใกล้

โดยทั้ง 2 ผู้นำได้มีการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการหลังการประชุม ซึ่งทางเกาหลีเหนือได้ให้การยืนยันว่าพวกเขาจะปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ ขณะที่ทางสหรัฐฯก็ได้รับรองความปลอดภัยให้กับเกาหลีเหนือ

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงเกินคาด จึงบ่งชี้ว่า ภาวะอุปสงค์มั่วโลกยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่กลุ่มโอเปกและสมาชิกนอกโอเปกจะมีกำหนดการประชุมร่วมกันในวันที่ 22-23 มิ.ย.นี้

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 86 เซนต์ คิดเป็น +1.1ที่ระดับ 76.74 เหรียญ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 28 เซนต์ คิดเป็น +0.4% ที่ระดับ 66.64 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com