• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2561

    8 มิถุนายน 2561 | Economic News
 

·         ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากกระแสคาดการณ์ของกลุ่มนักลงทุนที่มองว่าการประชุมอีซีบีสัปดาห์หน้าจะมีการให้สัญญาณปรับลดนโยบาย QE ในช่วงสิ้นปีนี้


นอกจากถ้อยแถลงของหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิดกับประธานอีซีบีแล้ว นายเจนส์ เวียดแมน ผู้ว่าการธนาคารกลางเยอรมนี ก็แสดงความคาดหวังว่าอีซีบีจะประกาศยุติการเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงสิ้นปีนี้ได้ จึงทำให้ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 17 พ.ค. บริเวณ 1.1840 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนที่จะกลับมาทรงตัวระดับ 1.1812 ดอลลาร์/ยูโร


·         นักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวว่า ถ้อยแถลงของบรรดาสมาชิกอีซีบีเป็นการส่งสัญญาณถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่จะเกิดขึ้นในการประชุมวันที่ 14 มิ.ย.นี้


·         การขยับขึ้นของค่าเงินยูโรได้เข้ากดดันค่าเงินดอลลาร์ โดยจะเห็นได้ว่าดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมา 0.3แตะระดับ 93.369 จุด


นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงเฝ้าระวังการประชุ G7 ด้วย เนื่องจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูจะสร้างความขัดแย้งทางการค้ากับกลุ่มประเทศสมาชิก G7 ด้วย


·         หัวหน้าฝ่ายการลงทุนอาวุโสจาก Tempus Consulting กล่าวว่า ท่าทีทางการค้าของทีมบริหารนายทรัมป์ ได้สร้างความกังวลต่อบรรดานักเศรษฐศาสตร์ เนื่องจาก อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในการขับเคลื่อนการลงทุนและค่าใช้จ่าย


·         บรรดาผู้นำประเทศเศรษฐกิจหรือกลุ่ม G7 จะมีการจัดประชุมในแคนาดาวันนี้เป็นวันแรก ท่ามกลาง ท่าทีของนายทรัมป์ที่ยังคงการใช้นโยบาย “America First” ซึ่งดูเหมือนจะสร้างความเสี่ยงให้การค้าโลกประสบกับภาวะ Trade War และความขัดแย้งในการสร้างความสัมพันธ์


·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวตำหนิ นายจัสติน ทรูเดอร์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาการพบกันก่อนประชุม G7 ในวันนี้ ที่ดูเหมือนจะยังคงขัดแย้งกันต่อความคิดเห็นทางการค้า โดยระบุว่า นายกฯแคนาดาไม่ได้ช่วยให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศดีขึ้น และพวกเขาจะทำการคิดภาษีสหรัฐฯสูงถึง 300อันจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรของสหรัฐฯ และสินค้าเกษตรกรรม


·         นอกจากนี้ นายทรัมป์ ยังกล่าวว่า การที่ฝรั่งเศสและแคนาดาจะทำการคิดภาษีสหรัฐฯนั้นถือเป็น การเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่แพงเกินไป และได้สร้างอุปสรรคที่ไม่ได้มาจากนโยบายการเงิน


·         นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะทำการเสนอเรื่องความเสรีและยุติธรรมทางการค้า ตามกฎการค้าสากลในการประชุมผู้นำ G7 ที่ดูเหมือนประเทศสมาชิก G7 จะได้รับผลกระทบจากแผนภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯไปตามๆกัน


·         การพบกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตีญี่ปุ่นที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ พบว่า ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะพัฒนาความสัมพันธ์และการดำเนินงานทางการค้าร่วมกัน โดยที่นายอาเบะได้ให้สัญญาว่าต่อการลงทุนครั้งใหม่ของญี่ปุ่นที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ โดยที่ญี่ปุ่นจะมีการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจำนวนหลายพันล้านเหรียญสำหรับสินค้าประเภทเครื่องบินเจ็ต หรือเครื่องบินโบอิง และสินค้าเกษตร เพื่อลดความถ่วงดุลร่วมกันทางการค้าให้เกิดความีเสถียรภาพมากขึ้น อันดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงระหว่างกันที่มีความยุติธรรมและสร้างผลประโยชน์ร่วมกันทางเศรษฐกิจ


·         The U.S. Distilled Spirits Council ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ โดยมีใจความว่า หลังจากที่นายทรัมป์ ได้ประกาศเดินหน้าแผนภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ก็มีความเสี่ยงที่ภาคการส่งออกสินค้าจากสหรัฐฯกว่า 46% ที่ส่งออกไปทั่วโลก จะเผชิญกับความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีทางการค้า โดยภาคการส่งออกของสหรัฐฯมูลค่าประมาณกว่า 759 ล้านเหรียญจะได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากบรรดาประเทศคู่ค้า โดยจะส่งผลเสียโดยเฉพาะต่อกลุ่มผู้ผลิต, เกษตรกร และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงภาคธุรกิจด้วย


·         วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครต เสนอร่างกฎหมายที่อาจปรับลดข้อตกลงของทีมบริหารนายทรัมป์ ที่ได้ประกาศจะผ่อนคลายการคว่ำบาตรบริษัทอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่ของจีนอย่าง ZTE Corp.


·         นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ คาดหวังว่า อังกฤษจะสามารถบรรลุแนวทางการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นต่อกรณี Post-Brexit ในช่วงสิ้นปี 2021  


·         เฟดจะทำการประกาศผลการทำ Stress Tests ของภาคธนาคารขนาดใหญ่ปีนี้ ในวันที่ 21 มิ.ย. และ 28 มิ.ย.


·         ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +2.6% หรือปรับขึ้น 1.9 เหรียญ ที่ระดับ 77.32 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.22 เหรียญ คิดเป็น +1.88 เหรียญ ที่ระดับ 65.95 เหรียญ/บาร์เรลโดยตลาดได้รับอานิงสงส์จากความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิตอย่างรวดเร็วของประเทศเวเนซูเอล่า ประกอบกับความกังวลที่ว่ากลุ่มโอเปกอาจไม่ทำการปรับเพิ่มการผลิตในเดือนนี้


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com