• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2561

    7 มิถุนายน 2561 | Economic News
 

• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าทำระดับสูงสุดรอบเกือบ 2 สัปดาห์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯทะยานแตะระดับสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ครึ่ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่อีซีบี เผยว่า อีซีบีอาจทำการปรับลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ QE ในช่วงสิ้นปีนี้

การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในยูโรโซน ได้หนุนให้อีซีบีมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นต่อเงินเฟ้อว่าอาจกลับขึ้นสู่ระดับเป้าหมายได้ โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอีซีบี ชี้ว่า มีแนวโน้มมากขึ้นที่การประชุมอีซีบีในสัปดาห์หน้าอาจมีการพิจารณาเกี่ยวกับการยุติโครงการเข้าซื้อพันธบัตร และถ้อยแถลงดังกล่าวได้ทำให้ค่าเงินยูโรดีดกลับไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 22 พ.ค. บริเวณ 1.1796 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะทรงตัวบริเวณ 1.1775 ดอลลาร์/ยูโร ทางด้านดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.27% และเช้านี้อยู่ที่ 93.519 จุด

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวขึ้นตามแรงขายที่เกิดในตลาดพันธบัตรยูโรโซนหลังสมาชิกอีซีบีส่งสัญญาณยุติ QE ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 24 พ.ค. ที่ระดับ 2.975% ขณะที่ผลตอบแทนอายุ 2 ปี ปรับขึ้นแตะ 2.520% และผลตอบแทนอายุ 30 ปี ปรับขึ้นแตะ 3.130%

• ผลสำรวจนักกลยุทธ์ค่าเงินจากรอยเตอร์ส ชี้ว่า ค่าเงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอยู่ แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางอื่นๆ ก็อาจเป็นปัจจัยที่สร้างความเสี่ยงขนาดใหญ่ต่อเฟดในการดำเนินนโยบายได้

กระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นดอกเบี้ยในกาประชุมสัปดาห์ห้าและอีกหนึ่งครั้งในช่วงปลายปี ก็ดูเหมือนจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์นั้นปรับตัวขึ้นมา ขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ ก็เริ่มจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน โดยจะเห็นได้ว่าถ้อยแถลงล่าสุดของสมาชิกอีซีบี ได้ส่งผลให้ค่าเงินยูโรเมื่อวานนี้ฟื้นตัวขึ้นทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 10 วันทำการเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ และส่งผลให้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ เชื่อว่า อีซีบีจะทำการสิ้นสุด QE ในช่วงเดือนธ.ค.นี้

• ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของทำเนียบขาว เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะยังคงจุดยืนทางการค้า ก่อนที่สหรัฐฯจะเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในการประชุมG7 ที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศแคนาดาในช่วงปลายสัปดาห์นี้

• สหภาพยุโรปจะทำการตอบโต้สหรัฐฯที่ดำเนินนโยบายภาษีนำเข้า ด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยจะมีผลในเดือนก.ค. จึงยิ่งเพิ่มแรงกดดันเกี่ยวกับภาวะความขัดแย้งทางการค้า โดยการตอบโต้ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐฯประกาศเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กและอะลูมิเนียมของอียู

• ทางด้านเม็กซิโกมีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเช่นกัน จึงอาจทำให้กลุ่มผู้ส่งออกสหรัฐฯเผชิญกับปัญหาจากผลการดำเนินนโยบายภาษีของทั้งสองประเทศ รวมทั้งอาจสร้างผลกระทบต่อการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯในช่วงเดือนพ.ย.นี้

• มีเพียงเสียงในสภาคองเกรสเพียงเล็กน้อยที่จะยับยั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากเขาต้องการผ่อนปรนกฎระเบียบสำหรับบริษัท ZTE ของจีน แม้ว่าเสียงส่วนใหญ่จะมีการคัดค้านการผ่อนคลายกฎระเบียบให้แก่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่ของจีนดังกล่าว

• นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสหรัฐฯ เผยว่า สหรัฐฯเฝ้าระวังรายงานเกี่ยวกับแผนของอิหร่านที่จะเพิ่มการผลิตแร่ยูเรเนียม ซึ่งทางสหรัฐฯจะไม่ยอมให้อิหร่านได้ทำการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ใดๆทั้งสิ้น

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น หลังจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯกลับมาพุ่งสูงขึ้นเกินคาด ขณะที่ซาอุดิอาระเบียและประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกเริ่มส่งสัญญาณที่จะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตด้วย

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 79 เซนต์ คิดเป็น -1.2% ที่ระดับ 64.73 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 2 เซนต์ ที่ระดับ 75.26 เหรียญ/บาร์เรล

• EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสูงกว่าที่คาดการณ์กันไว้ว่าจะขยายตัวได้ 1.8 ล้านบาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com