MTS Help Center

ความขัดแย้งทางการค้าของสหรัฐฯดูเหมือนจะยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก หลังจากที่นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ จบการเจรจากับจีนในกรุงปักกิ่งกลับมามือเปล่า ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะมีการประชุมร่วมกันกับบรรดาผู้นำประเทศที่ไม่พอใจกับความเคลื่อนไหวทางการค้าของสหรัฐฯในช่วงปลายสัปดาห์นี้

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะบริหารของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศบังคับใช้นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา เม็กซิโก และยุโรป ซึ่งบรรดาประเทศเหล่านี้ต่างต่อต้านการตัดสินใจของสหรัฐฯด้วยการยื่นเรื่องต่อองค์การการค้าโลก ขณะที่บรรดาผู้นำจากแคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และอิตาลี จะมีการประชุมร่วมกันในกลุ่มประเทศ G-7 ณ รัฐควิเบกของแคนาดา ภายในวันศุกร์นี้ ขณะที่นายทรัมป์มีกำหนดจะพบกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในวันพฤหัสบดี ก่อนหน้าการประชุมวันศุกร์

นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯยังได้ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 25% เป็นมูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ โดยชื่อสินค้าที่จะถูกปรับขึ้นภาษีจะมีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีนได้ยืนยันว่าทางการจีนยังคงเปิดกว้างต่อการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯในหัวข้อหลักๆ แต่ได้เตือนว่าข้อตกลงทางการค้าใดๆที่ได้ตกลงกับสหรัฐฯมาก่อนหน้านี้ จะถือเป็นโมฆะทันที หากสหรัฐฯบังคับใช้นโยบายขึ้นภาษีจากจีน

นักกลยุทธ์ประจำสถาบัน Horizon Investment ประเมินว่า ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ได้เดินทางมาถึงจุดต่ำที่สุดแล้ว และมีแนวโน้มสูงที่ความสัมพันธ์จะยิ่งย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม มากกว่าที่มันจะดีขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนตลาดหุ้นจะยังสามารถขยายตัวขึ้นได้เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนดูจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่าความขัดแย้งทางการค้า ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Strategas ได้ประเมินว่า นโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอาจไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างนัก แม้บางธุรกิจอาจได้มีการสูญเสียตำแหน่งงานลงไปบ้าง โดยเฉพาะธุรกิจที่ดำเนินงานเกี่ยวกับเหล็กและอลูมิเนียม รวมถึงราคาสินค้าสำหรับผู้บริโภคที่อาจปรับสูงขึ้นได้

ทั้งนี้ ตลาดในช่วงปลายสัปดาห์นี้อาจได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาภายใต้สนธิสัญญา NAFTA ระหว่างสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก เนื่องจากการประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมอาจเป็นปัจจัยกดดันให้การเจรจาดำเนินไปได้ลำบากยิ่งขึ้น ขณะที่โอกาสที่จะสามารถหาข้อตกลงร่วมกันภายใต้สัญญานี้ ก็ยิ่งเรือนรางลงไป