MTS Help Center

• ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบค่าเงินแคนาดาดอลลาร์และเม็กซิโกเปโส ท่ามกลางข่าวที่ว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมไปถึงยุโรปด้วย จึงสร้างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเห็นข้อยกเว้น และจุดประกายความกังวลต่อ Trade War ทั่วโลก

ทางด้านค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจากตลาดที่คลายความกังวลต่อภาวการณ์เมืองอิตาลี และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเสถียรภาพของยุโรป จึงทำให้ค่าเงินยูโรปรับขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 10 เดือน โดยค่าเงินยูโรปรับขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 วันทำการที่ระดับ 1.1724 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่แข็งค่าขึ้น 1.1% และเป็นระดับการขยายตัวขึ้นได้ติดต่อกัน 2 วันทำการในปีนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.4% ที่ระดับ 93.717 จุด ทางด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้น 0.5% ที่ระดับ 108.37 เยน/ดอลลาร์

• นางลาเอล เบรนาร์ด สมาชิกบอร์ดบริหารของเฟด กล่าวว่า ภาวะการเมืองอิตาลีอาจคุกคามต่อเสถียรภาพของการขยายตัวทั่วโลก และอาจเสี่ยงต่อการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันสะท้อนถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จึงช่วยหนุนกลุ่มพลังงานให้ฟื้นตัวแต่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค

• ค่าใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯขยายตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 เดือนในเดือนเม.ย. จึงส่งสัญญาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ขณะที่ภาพรวมเงินเฟ้อดูจะขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ ขณะที่ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวลดลง จึงสะท้อนว่าอาจเห็นเฟดทำการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้าได้

• เมื่อวานนี้ นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เผย จะทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และ 10% สำหรับอะลูมิเนียม โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ขณะที่เม็กซิโกจะทำการตอบโต้โดยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มเกษตรและภาคการผลิตของสหรัฐฯ โดยเน้นไปยังขาหมู, แอปเปิ้ล, องุ่น และชีส เช่นเดียวกับเหล็ก

• ขณะที่ประเทศแคนาดาเองก็อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯคิดเป็น 1.28 หมื่นล้านเหรียญจากยอดส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลง NAFTA และ WTO

• นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ระบุว่า มีความเป็นไปได้ในการเจราจาข้อตกลง NAFTA ลดน้อยลงไป หลังจากที่ทีมบริหารนายทรัมป์ เผยการตัดสินใจเรียกเก็บภาษีจากประเทศคู่ค้าในข้อตกลง โดยดูเหมือนการเจรจาที่ใกล้จะบรรลุผลร่วมกันในระยะสั้นนั้นเลือนลางลงไป

• นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ แสดงความมั่นใจว่า การเจรจาร่วมกับเจ้าหน้าที่จากเกาหลีเหนือเป็นไปอย่างถูกทาง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แสดงความหวังว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและตัวแทนจากเกาหลีเหนือที่เดินทางมาเยือนสหรัฐฯ จะสามารถนำไปสู่การประชุมของเขากับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ตามกำหนดการเดิม คือวันที่ 12 มิ.ย. นี้

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์คาดว่าการเจรจาจะยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ภายในการประชุมเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเจรจาที่อาจจำเป็นต้องมีการเจรจาหลายรอบจนกว่าจะสามารถข้อตกลงร่วมกันได้ในที่สุด ประกอบกับการที่ผู้นำเกาหลีเหนือยังคงดูมีท่าทีที่จะไม่ยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ตามคำเรียกร้องของสหรัฐฯได้โดยง่าย

• บรรดานักการทูตจากประเทศฝั่งตะวันตก กล่าวเตือนสหรัฐฯเกี่ยวกับการตัดสินใจถอนตัวออกจากสนธิสัญญานิวเคลียร์ของอิหร่าน ว่าการกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้แผนดำเนินงานของจีนและรัสเซียเพื่อชะลอการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านได้รับผลกระทบจนดำเนินงานตามแผนไม่ได้

• พรรคลีคปาร์ตี้และพรรค 5-Star Movement ของอิตาลียังคงมีความพยายามที่จะจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลขึ้น โดยคราวนี้ได้เสนอชื่อนายจิโอวานนี เทรีย (Giovanni Tria) ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญของกระทรวงเศรษฐกิจ หลังจากที่นายเปาโล ซาโวนา ผู้ได้รับการเสนอชื่อคนก่อนถูกนายเซอร์จิโอ แมตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ปฏิเสธไป

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเกือบ 2% แม้ว่า EIA จะเผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลงมากกว่าที่คาดแตะระดับ 3.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ Spread ระหว่างน้ำมันดิบ 2 ชนิดขยายตัวได้มากที่สุดนับในรอบกว่า 3 ปี

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 14 เซนต์ ที่ระดับ 77.56 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลง 1.17 เหรียญ คิดเป็น -1.7% ที่ระดับ 67.04 เหรียญ/บาร์เรล