• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 31 พฤษภาคม 2561

    1 มิถุนายน 2561 | Economic News


·       ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางภาวะตึงเครียดทางการเมืองอิตาลีที่ลดลงจึงหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเลือกตั้งในเร็วๆนี้ โดยค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวานประมาณ 1.1% มาที่ระดับ 1.1654 ดอลลาร์/ยูโร โดยเป็นการปรับแข็งค่าขึ้นมากที่สุดต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังลงไปทำระดับต่ำสุดรอบ 10 เดือน บริเวณ 1.1510 ดอลลารณ์/ยูโร


ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีอายุ 2 ปี ปรับตัวลง 1.75% หลังไปทำ High 2.71% แต่นักลงทุนก็ยังคงมีท่าทีระมัดระวังในการลงทุน

·       เฟดเปิดเผยรายละเอียดของร่างกฏหมาย “Volcker” ฉบับปรับปรุงใหม่ ซึ่งเกี่ยวกับข้อบังคับต่างๆของภาคธนาคารในประเทศที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2007-2009 ในสมัยที่เกิดวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้น โดยร่างกฏหมายใหม่จะผ่อนคลายข้อบังคับต่างๆสำหรับภาคธนาคารมากขึ้

การปรับปรุงร่างกฏหมายดังกล่าว เป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการผ่อนคลายกฏระเบียบของภาคธนาคารภายใต้กฏหมาย Dodd-Frankเมื่อปี 2010 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการกู้ยืมและเศรษฐกิจในประเทศ

ทั้งนี้ บรรดาธนาคารต่างชาติรวมถึงกองทุน ดูจะได้รับผลประโยชน์จากการปรับปรุงร่างกฏหมายดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ บรรดาธนาคารต่างประเทศมักจะถูกกีดกันการดำเนินงานจากกฏหมาย แม้จะไม่ได้ดำเนินการในแผ่นดินสหรัฐฯ แต่องค์กรที่ติดต่อด้วยอาจมีความเกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ ก็จะถูกกฏหมายตัวนี้กีดกัน

·       ทางการสหรัฐฯเตรียมประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากยุโรป ภายในคืนนี้ ขณะที่ทางเลขาธิการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯได้ออกมากล่าวว่า โอกาสที่จะเกิดสงครามการค้าขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตอบรับจากประเทศคู่ค้า

·       นายวิลบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯออกมาระบุว่า สหรัฐฯไม่ต้องการให้เกิดสงครามการค้าขึ้นกับสหภาพยุโรป แต่ถ้าหากมีความตึงเครียดในจุดนี้ขึ้นมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทางสหภาพยุโรปเท่านั้น

·       การเจรจาระหว่างนายไมค์ ปอมเปโอ เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ และนายคิม ยอง ชอล ที่ปรึกษาคนสนิทของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่เดินทางมาเจรจาถึงสหรัฐฯ ได้ดำเนินการเจรจาต่อเป็นวันที่ 2 โดยท้งคู่ยังคงพยายามที่จะหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ประเทศในการปลดอาวุธนิวเคลียร์

·       นายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย กล่าวเตือนสหรัฐฯเรียนรู้จากบทเรียนของอิรัก และกดดันให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ของซีเรีย พร้อมให้สัญญาว่ากองทัพซีเรียจะเข้ายึดพื้นที่ที่ถูกสหรัฐฯยึดไปกลับคืนมา

·       รายงานจากองค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านเศรษฐกิจ (OECD) ระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันดูสดใสมาก แต่ยังคงมีความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจสูญเสียไปได้

·       ผลสำรวจจาก 2 สถาบันในอิตาลี แสดงให้เห็นว่า ประชาชนอิตาลีประมาณ 60-72% ยังคงต้องการให้อิตาลีใช้สกุลเงินยูโรต่อไป ขณะที่ประชาชนอีก 23-24% ต้องการให้ประเทศเลิกใช้สกุลเงินยูโร

·       ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน เม.ย. ขยายตัวได้เพียง 0.3% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.2% เทียบกับเดือน มี.ค. ที่ขยายตัวได้ 1.4% โดยสาเหตุเกิดจากปริมาณการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคที่ลดลง 5.6% เนื่องจากชิ้นส่วนคงคลังที่เพิ่มมากขึ้น และปริมาณอุปสงค์จากต่างชาติที่อ่อนแอลง

·       รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แห่งประเทศจีน ระบุว่า ทางการจีนมีสิทธิ์ที่จะออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯจากการที่พวกเขาได้ออกมาตรการคุมเข้มการลงทุนจากจีน เนื่องจากเป็นการขัดต่อข้อตกลงขององค์การการค้าโลก

อย่างไรก็ตาม จีนไม่มีความประสงค์ที่จะให้ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯขยายมากขึ้นแต่อย่างใด และเชื่อว่าทั้ง 2 ประเทศยังมีโอกาสที่จะให้ความร่วมมือกันอีกมาก

·       ภาคการผลิตของจีนในเดือน พ.ค. สามารถเติบโตได้ด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา และยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ จึงช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับโอกาสที่เศรษฐกิจจีนจะเริ่มชะลอตัวลงจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ และการเข้าควบคุมปัญหาหนี้สินภายในประเทศของรัฐบาลจีน

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ของจีน ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.9 จุด ในเดือน พ.ค. จากเดิมที่ระดับ 51.4 จุดในเดือน เม.ย. ซึ่งยังยืนเหนือนระดับ 50 จุด ที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ ติดต่อกัน 22 เดือน

·       รายงานจากสำนักข่าวของเกาหลีเหนือระบุว่า นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย ได้เดินทางถึงเกาหลีเหนือตามคำเชิญของนายลี ยอง โฮ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีเหนือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่า การเดินทางมาเยือนครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไร

·       ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย หลังจากที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้นและความเป็นไปได้ที่ผลผลิตจะปรับตัวสูงขึ้น หากกลุ่มโอเปกและกลุ่มสมาชิกนอกโอเปกจะเข้าพบกันในเดือนมิ.ย.นี้

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวฃง 0.5% ที่ระดับ 77.12 เหรียญ/บาร์เเรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 0.3% ที่ระดับ 68.01 เหรียญ/บาร์เรล

·       รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานแห่งรัสเซีย เปิดเผยว่าทางการรัสเซียสามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันให้กลับสู่ระดับปกติก่อนที่จะมีการตกลงร่วมกับกลุ่มโอเปกในการปรับลดกำลังการผลิต ภายในเวลาไม่กี่เดือน หากมีการตกลงร่วมกันที่จะปรับกำลังการผลิตน้ำมันกลับสู่ระดับปกติกับกลุ่มโอเปก

ทั้งนี้ ทางรัสเซียและซาอุดิอาระเบียได้มีการเจรจากันมาก่อนหน้า เกี่ยวกับการปรับกำลังขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยเป็นไป หากมาตรการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อลดปัญหาอุปทานน้ำมันล้นตลาดและกระตุ้นราคาน้ำมันสามารถประสบความสำเร็จได้



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com