• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 31 พฤษภาคม 2561

    31 พฤษภาคม 2561 | Economic News
 

• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงต่อเนื่องมากทีสุดในช่วง 2 วันทำการก่อนหน้าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังมีรายงานว่า อิตาลีพยายามจะจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งเพื่อยุติความปั่นป่วนทางการเมือง

แหล่งข่าวใกล้ชิดกับพรรค 5-Star กล่าวว่า ทางพรรค 5-Star และ League กำลังพยามร่วมกันในการหาจุดประนีประนอมร่วมกันในการแต่งตั้งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของอิตาลี หลังจากที่ประธานาธิบดีใช้สิทธิ Veto กับการไม่ยอมให้ นายเปาโล ซาโวนา ผู้มีแนวคิดต่อต้านค่าเงินดอลลาร์มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจของประเทศ ที่ก่อให้เกิดความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเห็นการยุบสภาและประกาศเลือกตั้งครั้งใหม่ โดยตลาดกังวลว่านี่อาจเป็นชนวนให้เกิดการทำประชามติว่าอิตาลียังต้องการใช้ค่าเงินยูโรต่อไปหรือไม่

อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ ค่าเงินยูโรฟื้นตัวได้ 1.2% สู่ระดับ 1.1676 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดรอบ 10 เดือนที่ระดับ 1.1510 ดอลลาร์/ยูโร โดยเดือนนี้อ่อนค่าลงไปแล้ว 4% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีปรับตัวลงหลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาทำระดับต่ำสุดบริเวณ 94.038 จุด หลังจากที่ขึ้นไปทำ High รอบ 6 เดือนครึ่ง

• โฆษกจาก CME Group เผยว่า ปริมาณการซื้อขายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯและ Interest Rates Futures รวมถึง Option ระดับรายวันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมืองของอิตาลี และการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป จึงทำให้มีการซื้อขายพันธบัตรเพิ่มมากขึ้น

โดยวันอังคารที่ผ่านมา CBOT Bond และ CME Interest rates มีการเปลี่ยนแปลงรวมมูลค่า 39.6 ล้านคู่สัญญา โดยพุ่งขึ้นจากระดับ 26.6 ล้านคู่สัญญา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 9 พ.ย. ปี 2016

ความดราม่าทางการเมืองที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ทำให้มีปริมาณการซื้อขายรายวันพุ่งขึ้น รวมทั้งมีการทำ All-time high ในตลาดซื้อขายอนุพันธ์ของ CME ด้วย โดยภาพรวมสัญญา Futures และ Option มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 51.9 ล้านคู่สัญญา พุ่งขึ้นเหนือระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 9 พ.ย. ปี 2016 ที่ระดับ 44.5 ล้านคู่สัญญา

• พรรคฝ่ายค้านของรัฐบาลอิตาลียังคงมีแนวโน้มที่จะสามารถก่อตั้งพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นมาได้อยู่ หลังจากที่นายคาร์โล คอตตาเรลลี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ส่งสัญญาณว่า ผู้นำพรรคการเมืองที่มีความรู้ด้านการเมือง มีโอกาสที่จะสามารถนำเศรษฐกิจอิตาลีให้หลุดพ้นจากวิกฤติได้มากกว่าผู้นำที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอย่างเขา

ขณะที่แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับนายเซอร์จิโอ แมตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี ส่งสัญญาณว่าอิตาลีมีแนวโน้มที่จะจัดการเลือกตั้งขึ้นมาได้ในช่วงปลายปี 2018 นี้

• รัฐมนตรีกระทรวงการคลังแห่งเยอรมนี ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิตาลีว่า ทางสหภาพยุโรปควรเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าที่เคยเกิดขึ้น แม้ตัวเขาเองจะเชื่อว่า ชาวอิตาลีส่วนมากยังคงมีมุมมองที่สนับสนุนให้อิตาลีเป็นสมาชิกของสหภาพต่อก็ตาม

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำอีซีบีได้ออกมาระบุว่า ทางอีซีบียังไม่มีแผนที่จะเข้าแทรกแซงภาคการเงินหรือธนาคารในอิตาลีแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีสัญญาณว่าภาคธนาคารมีความยากลำบากในการดำเนินงาน ประกอบกับทางอีซีบีไม่มีเครื่องมือที่ช่วยผ่อนคลายปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความไม่มั่นคงของการเมืองภายในประเทศได้

• จีนทำการแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการประกาศของสหรัฐฯที่ยังคงจะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งจีนพร้อมตอบโต้หากสหรัฐฯยังคงต้องการให้เกิดสงครามทางการค้า ซึ่งจีนประกาศกร้าวภายในไม่กี่วันก่อนที่ นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯจะเดินทางมาเยือนจีนตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่มีการเห็นพ้องกันในการประชุมเดือนนี้ว่าจีนจะปรับลดยอดดุลการค้าจำนวน 3.75 แสนล้านเหรียญ ขณะที่นายรอส คาดหวังว่าจีนจะยอมให้ภาคบริษัททำการเข้าซื้อสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในช่วงที่เขาเดินทางไปยังจีนวันที่ 2-4 มิ.ย.นี้

• รายงานจาก Wall Street Journal และ CNBC ยืนยันว่า ทางทำเนียบขาวไม่มีแผนจะขยายเวลาการยกเว้นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และอะลูมิเนียม 10% แก่อียู และทีมบริหารของนายทรัมป์คาดหวังว่าจะทำการประกาศแถลงการณ์ภายในวันนี้

อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวได้ส่งผลให้หุ้นบริษัทเหล็กในสหรัฐฯปรับตัวขึ้นไป 5% อันจะเห็นได้จาก AK Steel ที่ปรับขึ้น 5% และ Alcoa ปรับขึ้น 2% ในช่วงปลายตลาด

• ทางการจีนประกาศจะปรับลดอัตราภาษีของสินค้านำเข้ากลุ่มเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้าน และผลิตภัณฑ์ออกกำลังกาย โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นี้ ซึ่งเป็นหนึ่งแผนเปิดกว้างตลาดจีนสู่เวทีโลก ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับรายละเอียดของสินค้านำเข้าที่จะได้รับการปรับลดภาษีมีดังนี้

1. กลุ่มเครื่องแต่งกายตั้งแต่หมวกรวมไปถึงรองเท้า อุปกรณ์ในครัว และอุปกรณ์ออกกำลังกาย จะได้รับการปรับลดภาษีมากกว่าครึ่ง จากเดิมที่ระดับ 15.9 สู่ระดับ 7.1%

2. สินค้ากลุ่มเครื่องซักผ้าและตู้เย็นจะได้รับการปรับลดภาษีจากเดิมที่ 20.5% ลงมาสู่ระดับ 8%

3. สินค้ากลุ่มอาหารแปรรูป สินค้ากลุ่มการประมง และน้ำแร่ จะได้รับการปรับลดภาษีลงจากเดิม 15.2% สู่ระดับ 6.9%

4. สินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ได้แก่ ผลิตภันฑ์ดูแลผิวหนังและเส้นผม และสินค้าเพื่อสุขภาพบางรายการ ได้รับการปรับลดภาษีลงจากเดิม 8.4% สู่ระดับ 2.9%

• รายงาน Beige Book ของเฟดสรุปได้ว่า ภาคอุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปลายเดือนเม.ย. จนถึงช่วงต้นเดือนพ.ค. แม้ว่า จะมีความเสี่ยงจะเกิดภาวะ Trade Warไปทั่วโลกก็ตาม ขณะที่ค่าใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนตัวได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ในระดับปานกลาง

• รายงานจาก J.P. Morgan ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาสที่ 2 ของปีนี้สู่ระดับ 2.75% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.25% หลังข้อมูลดุลการค้าสหรัฐฯเดือนเม.ย.มีการขยายตัวได้ โดยมียอดขาดดุลลดลงสู่ระดับ 6.819 หมื่นล้านเหรียญ จากระดับ 6.859 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมี.ค.

• รายงานข้อมูลเงินเฟ้อเยอรมนีปรับตัวขึ้นได้มากกว่าคาดในเดือนพ.ค. ที่ระดับ 2.2% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ปรับขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากราคาพลังงานที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี จึงสะท้อนให้เห็นว่าเงินเฟ้อสามารถปรับขึ้นไปยังเป้าหมายเงินเฟ้อที่อีซีบีกำหนดได้ แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกในยูโรโซนจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2%

• นายคิม ยอง ชอล ที่ปรึกษาคนสนิทของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และรองประธานพรรคเพื่อแรงงานในเกาหลีเหนือ ได้เดินทางมาถึงสหรัฐฯเพื่อเจรจากับตัวแทนในการจัดการประชุมร่วมกันระหว่าง ประธานาธิบดีสหรัฐฯและผู้นำเกาหลีเหนือแล้ว แม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังคงดูมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์อยู่บ้างก็ตาม

โดยนายคิม ยอง ชอล ได้พบกับนายไมค์ ปอมเปโอ เลขาธิการกระทรวงต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา และจะมีการเจรจากันต่อภายในคืนนี้

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น แม้สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะพุ่งขึ้นเกินคาด โดยราคารีบาวน์กลับได้จากที่ร่วงลงไป 4 วันทำการ หลังธนาคารกลางรัสเซียแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการสนับสนุนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2.11 เหรียญ คิดเป็น +2.8% ที่ระดับ 77.5 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.48 เหรียญ คิดเป็น +2.2% ที่ระดับ 68.21 เหรียญ/บาร์เรล

• รายงานจาก API แสดงให้เห็นว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 1 ล้านบาร์เรล จากที่คาดว่าจะปรับขึ้น 525,000 บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com