• ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นหลังจากที่ช่วงต้นตลาดปรับอ่อนค่าลงไปทำระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 2 พ.ค. บริเวณ 92.243 จุด ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาแถวระดับ 92.619 จุดในช่วงปลายตลาด ซึ่งระดับวันยังเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อวันพุธที่แล้วบริเวณ 93.416 จุด และถือเป็นระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 22 ธ.ค.
ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นในช่วงต้นตลาด และเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1932 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ สมาชิกอีซีบี นายฟรองซัวร์ วีเลอครอย เดอ กลาโต กล่าวว่า อีซีบีอาจมีการให้สัญญาณใหม่ต่อกรอบเวลาการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก หลังสิ้นสุดนโยบายการเข้าซื้อพันธบัตร (QE)
• นักลงทุนให้ความสนใจไปยังถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดและอีซีบีในสัปดาห์นี้ ควบคู่กับการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจเยอรมนี ที่คาดว่าจะยังแสดงให้เห็นถึงภาวการณ์อ่อนตัวทางเศรษฐกิจ
• นางลอเรตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดควรขึ้นดอกเบี้ยอย่างคอยเป็นค่อยไป เพื่อให้เงินเฟ้อที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย 2% อยู่ในสภาวะที่มีเสถียรภาพ ซึ่งในระยะกลางมองกว่านโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นเรื่องที่เหมาะสม และเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับการสร้างสมดุลทางความเสี่ยงระหว่างเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเสถียรภาพที่จะเพิ่มขึ้นในตลาดการเงิน
• นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า การขยายตัวของ Bitcoin และค่าเงินดิจิทัลอื่นๆที่กำลังเป็นไปในตลาด จำเป็นต้องมีการสร้างระบบการซื้อขายที่สอดคล้องกับการกำหนดราคาในตลาด
.png)
• เครื่องมือ FedWatch Tools ของ CME Group ล่าสุดเมื่อ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังคงคาดหวังว่าการประชุมในเดือนมิ.ย. เฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยสู่กรอบ 1.75 – 2.00% โดยมีโอกาสสูงเกือบ 100% ขณะเดียวกันคาดว่า เฟดมีโอกาส 73.6% ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และบางส่วนยังมองว่าโอกาสที่จะเกิดการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 จะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.
• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการเรียกร้องให้ นายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีกระทรวงการพาณิชย์พิจารณาปรับข้อจำกัดของบริษัท ZTE Corp ซึ่งเป็นบริษัทด้านการสื่อสารรายใหญ่ของจีน ที่ได้รับบทลงโทษจากการคว่ำบาตรทางการค้ากับอิหร่าน เนื่องจากทางบริษัท ZTE เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ในกลุ่มผู้ผลิตและวัตถุดิบรายใหญ่ของสหรัฐฯ
รายงานจากรอยเตอร์ส เผยว่า นายทรัมป์ตระหนักดีว่าความขัดแย้งทางการค้ากับจีนจะส่งผลเสียต่อภาคแรงงานสหรัฐฯ รวมไปถึงการเผชิญกับปฏิกิริยาขัดแย้งจากสมาชิกพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ดังนั้น เขาจึงให้คำมั่นกับประธานาธิบดีจีนว่าเขาจะให้การช่วยเหลือบริษัท ZTE ซึ่งเป็นบริษัทที่มีแรงงานสหรัฐฯมากที่สุดในจีน
• รายงานจาก Financial Times ระบุว่า การกลับท่าทีของนายทรัมป์ สำหรับกรณี ZTE Corp ถือเป็นการปูทางเพื่อให้การเจรจาที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ประกอบกับเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดภาวะ Trade War โดยจีนน่าจะเดินทางมาถึงสหรัฐฯในวันนี้เพื่อร่วมหารือแนวทางทางการค้าเป็นเวลา 3 วัน
• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวขึ้นวันจันทร์นี้ ท่ามกลางรายงานจากกลุ่มโอเปกที่ระบุว่า ภาวะอุปทานน้ำมันสูงเกินตลาดเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.11 เหรียญ ที่ระดับ 78.23 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 26 เซนต์ ที่ระดับ 70.96 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ว่า น้ำมันดิบ WTI ถูกกว่าราคาน้ำมันดิบ Brent มากถึง 7.28 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับความถ่างมากที่สุดนับตั้งแต่ 12 ธ.ค. หลังจากที่ผลผลิตน้ำมันในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น โดยที่สถาบัน EIA คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบ Shale ของสหรัฐฯจะพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.18 ล้านบาร์เรล/วัน
• รายงานจาก Citi Group กล่าวเตือนว่า การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบได้ โดยเฉพาะสภาวะภัยเงียบกับนักลงทุนทั่วโลก (Hostile Environment) ซึ่งระดับราคาที่เพิ่มขึ้นมาในช่วง 2 ปีนี้จากระดับ 26 เหรียญในปี 2016 พุ่งขึ้นสู่ระดับ 77 เหรียญเมื่อวานนี้ จากสภาวะสมดุลกันระหว่างอุปทานและอุปสงค์ที่ตึงตัว จึงอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาคบริษัทมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ และได้ช่วยให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบและแก๊ส รวมถึงโรงกลั่นในตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นตามในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเช่นกัน
แต่การตัดสินใจของนายทรัมป์ ในการให้สหรัฐฯออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านฉบับปี 2015 อาจส่งผลหเกิดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะ Stageflation หรือส่งผลให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงัน