• ช่วงต้นตลาดค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน ทำระดับสูงสุดในรอบ 4 วันทำการ หลังจากประธานาธิบดีจีนให้คำมั่นจะทำการปรับลดภาษี จึงผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ และทำให้ปริมาณความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างค่าเงินเยนอ่อนตัวลง และทำให้เงินเยนอ่อนค่าไป 0.38% ที่ระดับ 107.16 เยน/ดอลลาร์
ถ้อยแถลงของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นไปในเชิงการเปิดกว้างสำหรับทิศทางเศรษฐกิจของจีน และการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทต่างชาติ ซึ่งเป็นการกล่าวถ้อยแถลงครั้งแรกของผู้นำจีนนับตั้งแต่มีข้อขัดแย้งทางการค้ากับทีมบริหารของนายทรัมป์
ขณะที่ทางทำเนียบขาว เผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้การสนับสนุนคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดีจีนในการเปิดกว้างเศรษฐกิจจีน แต่นายทรัมป์ก็ยังจะเดินหน้าเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้ากับจีน
แต่ค่าเงินดอลลาร์ก็กลับอ่อนค่าลงมาอีกครั้ง โดยไม่ได้ตอบรับกับข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ออกมาดีขึ้นเกินคาด โดยดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมา 0.23% ที่ระดับ 89.634 จุด ซึ่งเป็นระดับการเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
• ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.28% ทำ High แถวระดับ 1.23776 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่นายเอ็ดวาร์ด โนโวทนีย์ สมาชิกอีซีบี กล่าวว่า การเข้าซื้อพันธบัตร 2.55 ล้านล้านยูโร (3.15 ล้านล้านเหรียญ) อาจมีการปรับลดวงเงินภายในช่วงสิ้นปีนี้ และอาจเป็นการปูทางเพื่อให้อีซีบีได้ทำการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2011
• ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าลงมา 3.56% ซึ่งเป็นระดับการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. ปี 2016 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ จากแรงเทขายที่ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาที่กลุ่มนักลงทุนเริ่มตอบรับกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมจากทางสหรัฐฯ โดยจะทำการขึ้น Black List เจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโสจำนวน 17 ราย และ 7 คนใกล้ชิดของหน่วยงานรัฐบาล รวมไปถึง 12 บริษัทที่สหรัฐฯรัสเซียเป็นเจ้าของหรือมีการดำเนินการ
• ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค. และส่งผลให้ภาพรวมรายปีปรับขึ้นได้ 3.0% จากเดิมที่ระดับ 2.8% ในเดือนก.พ. เพราะได้รับอานิสงส์จากการเพิ่มขึ้นของราคาอาหารและกลุ่มสุขภาพ แลบ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ดี บรรดานักเศรษฐศาสตร์โดยส่วนใหญ่ เชื่อว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้อีกไม่น้อยกว่า 2 ครั้งในปีนี้
• นายมิทช์ แมคคอนเนล ประธานวุฒิสภาแห่งสหรัฐฯ เผยว่าเขามีความยินดีที่จะเจรจาเกี่ยวกับการแก้ไขร่างงบประมาณฉบับล่าสุดที่ทางคองเกรสเพิ่งอนุมัติไป เพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายภายในรัฐบาลลงอีก แต่ได้ส่งสัญญาณว่าการเจรจาดังกล่าวมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างต่ำ
• นายทอม บอสเซิร์ท ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ประกาศลาออกจากจากตำแหน่ง ตามคำเรียกร้องของนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศคนใหม่ จึงความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งภายในคณะรัฐบาลที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นายบอสเซิร์ท ได้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มาตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และได้มีบทบาทหน้าที่สำคัญในรัฐบาลชุดปัจจุบันเกี่ยวกับการดูและความเสียหายจากพายุเฮอริเคนมาเรีย รวมถึงรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
ขณะที่แหล่งข่าวได้ระบุเพิ่มเติมว่า มีความเป็นไปได้ที่นายโบลตัน กำลังพยายามจัดตั้งทีมที่ปรึกษาด้านมั่นคงของตัวเองในบางหน่วยงานของรัฐบาล
• ทางทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีความเชื่อมั่นว่าเขามีอำนาจพอจะสั่งปลดนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ ประธานกรรมาธิการการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษได้ หลังจากที่นายไมเคิล โคเฮน ทนายที่ปรึกษาส่วนตัวโดนบุกค้นสำนักงานทนายความและมีการยึดเอกสาร
• เมื่อคืนที่ผ่านมา เฟดได้มีการเสนอนโยบายใหม่ที่จะอนุมัติให้ภาคธนาคารสามารถลดเพดานของปริมาณการถือครองสินทรัพย์ลง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยนโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ธนาคารรายย่อยสามารถลดเพดานการถือครองสินทรัพย์ลงได้ แต่ธนาคารรายใหญ่อาจจะไม่ได้รับอภิสิทธิ์ในส่วนนี้
นอกจากนี้ นโยบายจะช่วยลดจำนวนเอกสารที่ภาคธนาคารจำเป็นต้องทำ เพื่อลดขั้นตอนและความยุ่งยากในการดำเนินงานของธนาคาร รวมถึงสามารถช่วยให้เฟดสามารถประเมินสถานภาพของธนาคารได้ง่ายยิ่งขึ้น
• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้ทั่วโลกต้องดำเนินมาตรการอย่างหนักต่อผู้ที่ใช้อาวุธเคมีโจมตีซีเรีย อันเป็นการสะท้อนถึงการจะใช้กำลังทางการทหารของสหรัฐฯในการตอบโต้ต่อการกระทำดังกล่าว
• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 3% จากกลุ่มนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นว่าสหรัฐฯและจีนจะสามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งทางการค้าร่วมกันได้ โดยปราศจากการสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันความตึงเครียดในตะวันออกกลางและการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ต่างก็เป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดน้ำมันวานนี้
ทั้งนี้ น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 2.39 เหรียญ คิดเป็น +3.5% ที่ระดับ 71.04 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับรายวันที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ก.ย. โดยช่วงต้นตตลาดน้ำมันดิบ Brent สามารถทำ High ได้นับตั้งแต่ ธ.ค. 2014 บริเวณ 71.34 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 2.09 เหรียญ คิดเป็น +3.3% ที่ระดับ 65.51 เหรียญ/บาร์เรล