• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2561

    23 มีนาคม 2561 | Economic News

• ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง 0.3% เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ที่บริเวณ 89.612 จุด ขณะที่เงินเยนปรับแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับโอกาสเกิดสงครามการค้า ทำให้บรรดานักลงทุนหลีกเลี่ยงการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง

• เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้มีการติดต่อกับสหรัฐฯ ภายหลังจากการลงนามในนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยในเบื้องต้นการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะที่หน่วยงานด้านสนธิสัญญาและกฎหมายประจำกระทรวง ได้กล่าวว่า จีนไม่เกรงกลัวที่จะเปิดสงครามการค้ากับสหรัฐฯ และมีการเตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี

• รายงานล่าสุดจาก Reuters ระบุว่า สภาคองเกรสแห่งสหรัฐฯมีมติผ่านร่างงบประมาณฉบับล่าสุด ที่จะสนับสนุนโครงการของภาครัฐเป็นเงินกว่า 1.3 ล้านล้านเหรียญ โดยจะเน้นไปที่ด้านการทหารและด้านอื่นๆ ก่อนที่จะนำส่งให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำการลงนามอนุมัติเป็นลำดับต่อไป

การผ่านร่างงบประมาณครั้งนี้ จึงช่วยรัฐบาลสหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown ไปได้ จนถึงวันที่ 30 ก.ย. ขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ในรัฐสภาจะเริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะถึงช่วงของการเลือกตั้งกลางวาระในเดือน พ.ย.

• รัฐบาลจีนได้มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯพิจารณาถอดถอนนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าที่คิดเป็นมูลค่าภาษีกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญ หลังการลงนามอนุมัติของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นการสร้างความกังวลให้กับตลาดเกี่ยวกับการเกิดสงครามทางกาค้าระหว่าง 2 ประเทศ

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานษธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติให้ละเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมเป็นการชั่วคราวสำหรับ 6 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนติน่า ออสเตรเรีย บราซิล เกาหลีใต้ แคนาดา และเม็กซิโก รวมไปถึงประเทศในสหภาพยุโรป โดยการระงับภาษีจะมีผลถึงวันที่ 1 พ.ค. ก่อนที่จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าการระงับภาษีเป็นการถาวรหรือไม่ โดยขึ้นอยู่ผลของการเจรจา

ทั้งนี้ นโยบายขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ จะมีผลใช้งานจริงตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อชะลอการนำเข้าจากประเทศจีน

• รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจแห่งเยอรมนี กล่าวแสดงความพึงพอใจที่สหรัฐฯตัดสินใจละเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากสหภาพยุโรป พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯพิจารณาให้ความร่วมมือทางการค้ามากขึ้น

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1% โดยได้รับแรงหนุนจากการผลักดันของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอกเปกในการควบคุมอุปทานน้ำมัน เพื่อสร้างความสมดุลในตลาด

ทั้งนี้ น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 65 เซนต์ ที่ระดับ 64.95 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 60 เซนต์ ที่ระดับ 69.51 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com