• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2561

    23 มีนาคม 2561 | Economic News


• ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าขึ้นทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ที่ระดับ 105.23 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 2 มี.ค. โดยได้รับอานิสงส์จากการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยของกลุ่มนักลงทุน ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าโลกและการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ด้านดัชนีดอลลาร์รีบาวน์กลับได้เล็กน้อย 0.03% ที่ระดับ 89.847 จุด จากระดับ 89.811 จุด

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยรายละเอียดของแผนขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนที่มีการลงนามไปเมื่อคืนที่ผ่าน แต่รายละเอียดของร่างนโยบายดูเหมือนจะเป็นเพียงการเตือนรัฐบาลจีนมากกว่าที่จะเปิดสงครามการค้าอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากจีนได้มีการละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ของสหรัฐฯมาโดยตลอด

โดยร่างดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ไปยังสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่นำเข้าจากจีน คิดเป็นมูลค่าภาษีประมาณ 6 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งจะมีผลภายในวัน 30 วัน นับตั้งแต่ที่นโยบายมีผลบังคับใช้ เพื่อให้โอกาสรัฐบาลจีนสำหรับการเจรจาคัดกรองสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมากกว่า 1,300 รายการ และยังเป็นการป้องกันการตอบโต้จากจีน ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐฯอีกด้วย

นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังได้มีการออกคำสั่งให้เวลา 60 วัน สำหรับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในการเขียนร่างนโยบายป้องกันไม่ให้บริษัทสัญชาติจีนสามารถทำการเข้าซื้อบริษัทสัญชาติสหรัฐฯได้อีกด้วย

• รายงานล่าสุดจาก CNBC เผยว่า กระทรวงพาณิชย์จีนทำการตอบโต้การลงนามในนโยบายขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ โดยเสนอรายชื่อสินค้าของสหรัฐฯทั้งหมด 128 รายการที่จีนกำลังพิจารณาขึ้นภาษีตอบโต้ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้วางแผนตอบโต้สหรัฐฯไว้ถึง 2 ขั้น หากการเจรจากับสหรัฐฯไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รัฐบาลจีนจะยังไม่ได้ให้รายละเอียดของรายการสินค้าทั้ง 128 รายการ แต่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า สินค้าประเภทเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯที่มีมูลค่ามากที่สุด น่าจะถูกรวมอยู่ในรายการสินค้าดังกล่าวด้วย

• นายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น กล่าวว่า เขาจะทำการจับตาความเคลื่อนไหวทางด้านภาษีของสหรัฐฯที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่สูงถึง 6 หมื่นล้านเหรียญ

• องค์การการค้าโลก (WTO) ประกาศว่า มาตรการตอบโต้ที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการที่สหรัฐฯกำหนดขึ้นนั้น ไม่สอดคล้องกับกฎของ WTO

• การลงมติในร่างงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ ประสบกับอุปสรรคในวุฒิสภา โดยนายแรนด์ พอล ส.ว.รีพับลิกัน ได้ชะลอการลงมติด้วยการไล่อ่านหนังสือกฏหมายที่มีความหนากว่า 2,232 หน้า ต่อที่ประชุมวุฒิสภา

ทั้งนี้ รัฐสภาสหรัฐฯจำเป็นต้องผ่านร่างงบประมาณให้ทัน ก่อนที่ร่างงบประมาณฉบับก่อนจะหมดอายุลงในเวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ หรือช่วงเที่ยงวันเสาร์ตามเวลาประเทศไทย ไม่เช่นนั้นสหรัฐฯอาจประสบกับภาวะ Shutdown เป็นครั้งที่ 3 ของปี

อย่างไรก็ดี หากร่างงบประมาณฉบับล่าสุดที่จะสนับสนุนงบประมาณให้กับโครงการของภาครัฐบาลสหรัฐฯเป็นจำนวนเงินกว่า 1.3 ล้านล้านเหรียญ สามารถผ่านการลงมติทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรมาได้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นผู้ลงนามอนุมัติให้มีผลบังคับใช้

• จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 229,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมในสัปดาห์ก่อนประมาณ 3,000 ราย จึงยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในเดือนมี.ค.นี้ และข้อมูลล่าสุดก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 159 ซึ่งเป็นระดับความต่อเนื่องมากที่สุดนับตั้งแต่ 1970

• ประธานาธิบดีสหรัฐฯมีการโทรศัพท์แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีรัสเซียที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง โดยในการพูดคุยยังมีการแสดงให้เห็นว่าทางสหรัฐฯต้องการให้รัสเซียร่วมช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ ตลอดจนซีเรียและประเทศอื่นๆ และยังมีแนวโน้มที่ประธานาธิบดีทั้งสองประเทศจะวางแผนเข้าพบกันในเร็วๆนี้

• กลุ่มผู้นำสหภาพยุโรปให้การสนับสนุนอังกฤษต่อข้อกล่าวหาที่ว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการโจมตีอดีตสายลับจากรัสเซียที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ จึงมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะเห็นมาตรการตอบโต้เพิ่มเติมจากบางประเทศในสหภาพยุโรป

• นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวเตือนบรรดาผู้นำอียูในการประชุมเมื่อวานนี้เกี่ยวกับแผนการเพิ่มค่าใช้จ่าย เนื่องจากอาจสร้างความเสี่ยงให้แก่เศรษฐกิจในระยะกลางได้

• ขณะที่มีรายงานล่าสุด ระบุว่า ทางอีซีบีจะเริ่มเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารเยอรมนี ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังดำเนินอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงการขยายระดับหนี้

• ดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) ของญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นได้ในเดือนก.พ. ที่ระดับ 1.0% แต่ภาพรวมรายปียังเป็นสัญญาณชะลอตัวอยู่ที่ระดับ 0.5% จากระดับ 0.4% ในเดือนม.ค. จึงอาจยังทำให้บีโอเจจำเป็นต้องคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินฉบับพิเศษอยู่

อย่างไรก็ดี ข้อมูลล่าสุดได้รับอานิสงส์จากภาวะแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและค่าแรงที่ขยายตัวขึ้นได้ปานกลาง แต่การแข็งค่าของค่าเงินเยนกำลังคุกคามต่อราคานำเข้าให้ปรับตัวลง จึงทำให้บีโอเจอาจยังต้องจับตาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อแนวโน้มเชิงบวกของดัชนีราคาในขณะนี้

• รัฐสภาแคว้นคาตาโลเนีย ประสบความล้มเหลวในการแต่งตั้งประธานาธิบดีประจำแคว้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากนายจอร์ดิ ทูรูล (Jordi Turull) สหายคนสนิทของนายคาร์เลส ปุยจ์เดอมองต์ อดีตประธานาธิบดีแคว้นคาตาโลเนีย ไม่สามารถเรียกเสียงสนับสนุนได้เพียงพอในวุฒิสภา โดยได้รับเสียงสนับสนุนเพียง 64 เสียง แต่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนทั้งสิ้น 69 เสียง

ส่งผลให้แคว้นคาตาโลเนียยังคงอยู่ภาวะไร้อำนาจของรัฐบาล และยังเดดไลน์ภายในเวลา 2 เดือนก่อนที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง

• ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากกลุ่มนักลงทุนที่ทำการปิดสถานะเพื่อทำกำไร หลังจากที่สัปดาห์นี้มีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่แรงกดดันราคามีอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดยังมีปัจจัยบวกจากการร่วมมือกันของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอกเปกในการควบคุมอุปทานน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลง 56 เซนต์ ที่ระดับ 68.91 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น -0.8% หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนก.พ.ในวันก่อนหน้าบริเวณ 69.70 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 87 เซนต์ ที่ระดับ 64.30 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น -1.3% โดยระหว่างวันยังคงมีการซื้อขายในรอบระหว่าง 64.23 – 65.74 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com