• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 มกราคม 2561

    15 มกราคม 2561 | Economic News


· ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยค่าเงินยูโรปรับขึ้น 1.21% ที่ระดับ 1.2177 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งถือเป็นระดับรายวันที่ปรับขึ้นมากที่สุด หลังจากที่อีซีบีเตรียมลดนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ค่าเงินยูโรถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และดัชนีดอลลาณ์ปรับลงมา 1% ทำ New Low รอบ 4 เดือนบริเวณ 90.954 จุด

· นายสตีเว่น มนูชิน เลขาธิการกระทรวงการคลัง เชื่อมั่นว่านโยบายปฏิรูปภาษีในท้าที่สุดแล้ว จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่าที่จะกลายเป็นหนี้ในระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจที่จะขยายตัวจากแรงหนุนของนโยบาย โดยคาดว่าจะทำให้จีดีพีขยายตัวได้ 2.9% ขณะที่คาดว่า กระทรวงการคลังอาจมีการยื่นของบประมาณเพิ่มเติมในสภาฯ เพื่อนำมาใช้ผลักดันการดำเนินงานนโยบายปฏิรูปภาษีเป็นจำนวน 1 ล้านล้านเหรียญ

· นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส โพสต์ทวิตเตอร์ที่เน้นย้ำถึงการปรับขึ้นของเงินเฟ้อในเดือนที่ผ่านมาว่ายังไม่เพียงพอให้เจ้าหน้าที่เฟดดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพราะจำเป็นต้องเห็นดัชนีราคาปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

· นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของอัตราการว่างงานสหรัฐฯอาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้น และจะส่งผลให้เงินเฟ้อเป็นไปตามกรอบเป้าหมายนโยบายปัจจุบันของเฟด

· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจากเยอรมนีและฝรั่งเศส เตรียมพบกันภายในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการกระตุ้นแผนปฏิรูปEU ที่หยุดชะงักลง ให้กลับมาดำเนินการต่อได้อีกครั้

ขณะที่นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี เตรียมดำเนินการเจรจาเพื่อรวมพรรคกับพรรค SPD อีกครั้ง ภายในเดือนนี้ แต่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติสภาเยอรมนีในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์หน้านี้

รายงานจาก Reuters ระบุว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงจาก SPD ของเยอรมนี เตรียมร่างแบบแผนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์เพิ่มเติมจากการเจรจารวมพรรคกับพรรคของนางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เพื่อเรียกเสียงสนับสนุนเพิ่มจากพรรคสมาชิกพรรคSPD ที่ยังไม่สนับสนุนการรวมพรรค

· นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เตรียมร่วมมือกับนายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในที่ประชุม ของWorld Economic Forum เพื่อร่วมกันโต้วาทีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับมุมมองที่มีต่อเศรษฐกิ


· คณะกรรมการควบคุมนโยบายการเงินแห่งประเทศจีน เตรียมยกระดับนโยบายควบคุมตลาดการเงินภายในปีนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางตลาดจากปัญหาธนาคารเงา (Shadow banking) พร้อมคาดว่า อาจจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมในระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาภายในตลาดการเงินที่ยืดเยื้อมายาวนาน


· รัฐบาลเกาหลีใต้เผย ตัวแทนจากเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเตรียมจัดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในช่วงเช้าวันนี้ (15 ม.ค.) ภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับแรงงาน โดยจะจัดขึ้นในหมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นเขตปลอดทหาร ใกล้ชายแดนระหว่างทั้ง 2 ประเทศ


· นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าบีโอเจ กล่าวยืนยันว่า บีโอเจจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามรถยืนอยู่เหนือระดับเป้าหมาย 2% ได้อย่างมั่นคง พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในปัจุบันกำลังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง และจะสามารถหนุนให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวไปถึงระดับเป้าหมายได้อย่างแน่นอน


· รัฐบาลอิหร่านประกาศจะต่อต้านการขยายระยะเวลาของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าเขาจะขยายระยะเวลาของมาตรการคว่ำบาตร เพื่อให้โอกาสอิหร่านในแก้ตัวหลังจากที่อิหร่านได้มีการละเมิดข้อตกลงทางด้านนิวเคลียร์


· รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันแห่งอิรัก เผย ปริมาณการผลิตน้ำมันของอิรักในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5 ล้านบาร์เรล/วัน แต่อิรักจะยังทำตามข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกอย่างเคร่งครัดต่อไป พร้อมแสดงความคิดเห็นว่า มาตรการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกควรดำเนินต่อไป แม้ราคาน้ำมันจะปรับสูงขึ้นมาได้บ้างแล้วก็ตาม

· ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันรัสเซีย กล่าวว่า ภาวะอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะสมดุล จึงทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับความผันผวนเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 61 เซนต์ ที่ระดับ 69.87 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 50 เซนต์ ที่ระดับ 64.30 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้ 3.3% ขณะที่ WTI ปรับขึ้นได้ 4.7%

· ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศเวเนซูเอล่าปรับขึ้นได้เกือบ 1.9 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากลงไปทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าในปีนี้จะเห็นปริมาณผลผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นกว่า 2.4 ล้านบาร์เรล/วัน


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com