• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 5 มกราคม 2561

    5 มกราคม 2561 | Economic News
 

• ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี บริเวณ 1.2074 ยูโร/ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงหนุนจากสัญญาณการยกเลิกใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินจาก ECB ในปีนี้ ขณะที่ในภาพรวมรายสัปดาห์ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.6%

ด้านดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงกดดันมาจากเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น จนปรับอ่อนค่าลงมาบริเวณ 91.838 จุด เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักส่วนใหญ่ ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์ ดัชนีปรับอ่อนค่าลงมา 0.3% ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3

• ผลสำรวจจาก Reuters คาดการณ์ว่าภาพรวมค่าเงินดอลลาร์ในปี 2018 หลังจากที่ปรับอ่อนค่าลงในช่วงสิ้นปี 2017 ด้วยอัตราที่มากที่สุดในรอบ 14 ปี มีแนวโน้มที่จะสามารถฟื้นกลับมาแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงต่อๆไป

• ภาพรวมของค่าเงินปอนด์อังกฤษถูกคาดการณ์ว่าจะทรงตัวในปีนี้ เมื่อเทียบกับทั้งค่าเงินดอลลาร์และยูโร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการเจรจา Brexit ของรับบาลอังกฤษและสหภาพยุโรปภายในปีนี้เช่นกัน

• รัฐบาลสหรัฐฯประกาศยืนยันการยกเลิกการส่งกำลังสนับสนุนด้านความปลอดภัยสู่ปากีสถาน ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2.55 ร้อยล้านเหรียญ จนกว่ารัฐบาลปากีสถานจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับการต่อกรกับการก่อการร้ายที่เห็นชัดมากกว่านี้

• รายงานจาก Reuters ระบุว่า เกาหลีเหนือได้ตอบรับที่จะจัดการเจรจาร่วมกับเกาหลีใต้ภายใต้หัวข้อเกี่ยวกับการจัดกีฬาโอลิมปิกและหัวข้อย่อยอื่นๆ โดยการเจรจาจะเกิดขึ้นในวันที่ 9 มกราคมนี้

• นาย Mohamed El-Erian หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจาก Allianz กล่าวว่า การดำเนินงานปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเศรษฐกิจสหรัฐฯให้เข้าสู่ภาวะปกติของเฟด ในปี 2017 ที่ผ่านมา สามารถดำเนินไปได้“อย่างงดงาม” โดยไม่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัว

อย่างไรก็ดี ทิศทางสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในปี 2018 ภายใต้การนำของนายเจอโรม โพเวล ว่าที่ประธานเฟดคนต่อไป มีแนวโน้มจะประสบความยากลำบาก เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็เริ่มที่จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเช่นเดียวกั

ทั้งนี้ หากจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ มีจำนวนครั้งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ขยายตัวเร็วกว่าคาด ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯได้

• ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงเนื่องจากปริมาณการผลิตสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น ที่เป็นปัจจัยกดดันการปรับตัวสูงขึ้นของน้ำมันดิบกว่า 10% จากระดับต่ำสุดเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยที่หนุนราคาน้ำมันดิบคือการปรับลดอัตราการผลิตของกลุ่มโอเปก ประกอบกับความตึงเครียดทางการเมืองในอิหร่าน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ระดับ 61.95 เหรียญ/บาร์เรล แม้จะยังคงทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดที่ระดับ 62.21 ใวันก่อนหน้าก็ตาม ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 8 เซนต์ที่ระดับ 67.99 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com