• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 มกราคม 2561

    3 มกราคม 2561 | Economic News


• ค่าเงินดอลลาร์ปิดทำระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือนส่งท้ายปี 2017 เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ และส่งผลให้ภาพรวมปีที่ผ่านมาเป็นปีที่อ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 จากความไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้จริงเมื่อมีการปรับใช้แผนปฏิรูปภาษีฉบับยกเครื่อง ขณะที่เมื่อวานนี้อ่อนค่าลงจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดน่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

• ค่าเงินยูโรปิดส่งท้ายปีที่ระดับ 1.2028 ดอลลาร์/ยูโร ส่งผลให้ภาพรวมรายปีแข็งค่าขึ้น 14.2% ขณะที่เมื่อวานนี้ขึ้นไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน บริเวณ 1.2082 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนที่เช้านี้ทรงตัวบริเวณ 1.2058 ดอลลาร์/ยูโร โดยได้รับอานิสงส์ในช่วงส่งท้ายปีจากข้อมูลภาคการผลิตยูโรโซนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในรอบกว่า 2 ทศวรรษ จึงบ่งชี้ถึงภาวะอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและหนุนให้ภาพรวมช่วงต้นปีนั้นกิจกรรมภาคการผลิตอยู่ในระดับสูง

• ดัชนีดอลลาร์ปิดส่งท้ายปีที่ระดับ 92.080 จุด ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 22 ก.ย. ส่งผลให้ภาพรวมปีที่ผ่านมาอ่อนค่าลงไปประมาณ 9.8% ซึ่งเป็นระดับการอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 ขณะที่เมื่อวานนี้ดัชนีดอลลาร์ยังคงร่วงต่อไปทำระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่งบริเวณ 91.751 จุด และเช้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ 91.841 จุด

• ค่าเงินเยนแข็งค่าลงมาบริเวณ 112.32 เยน/ดอลลาร์เมื่อวานนี้ หลังรายงานบีโอเจล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่า บรรดาสมาชิกบีโอเจกำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการคุมเข้มทางการเงินหากว่าสภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังขยายตัวได้ต่อในปี 2018 จึงทำให้ตลาดมองมุมมองบวกที่บีโอเจอาจมีการออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบัน

• ขณะที่อีกหนึ่งตลาดที่มีความผันผวนมากที่สุดคือ BTC และ Cryptocurrencies อื่นๆ ปรับอ่อนตัวลงในช่วงสิ้นปี หลังจากที่สกุลเงินดิจิตอลได้ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยBitcoin ปิด +1.8% ที่ระดับ 14,564.76 เหรียญส่งท้ายปี หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดเกือบ 20,000 เหรียญ

• บรรดาข้าราชการแห่งสหรัฐฯ หลังจากที่สิ้นสุดช่วงวันหยุดยาวในวันปีใหม่ เมื่อกลับมาทำงานตามปกติจะเร่งดำเนินการเขียนร่างยื่นของบประมาณสำหรับปี 2018 และมีแนวโน้มจะทำการลงมติในช่วงปลายสัปดาห์นี้เพื่อป้องกันการเกิดภาวะ Shutdown

โดยฝั่งพรรครีพับลิกันต้องการขอเพิ่มงบประมาณสำหรับการทหาร ซึ่งจะน่าจะประสบเสียงคัดค้านจากพรรคโมแครตที่ต้องการเพิ่มงบประมาณให้กับภาคการศึกษา การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณะสุข และการป้องกันสิ่งแวดล้อม

• นายออริน แฮทช์ ส.ว.พรรครีพับลิกัน เผย เขาจะไม่ลงเลือกตั้งส.ว.ในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 นี้ เพื่อเปิดทางให้นายมิทต์ รอมนีย์ มีโอกาสในการลงสมัครเลือกตั้งส.ว. ซึ่งนายมิทต์ แม้จะอยู่พรรครีพับลิกัน แต่ก็เป็นผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ค่อนข้างรุนแรงคนหนึ่ง

• นายโดนัลด์ ทรัมป์ ข่มขู่รัฐบาลปาเลสไตน์ว่าจะยกเลิกการส่งเงินช่วยเหลือผ่านทางทวิตเตอร์ โดยอ้างว่าเนื่องจากปาเลสไตน์ไม่มีท่าทีที่จะต้องการแสวงหาการเจรจาเพื่อสร้างสันติ ภายหลังจากเอกอัคราชฑูตแห่งองค์การสหประชาชาติเปิดเผยแผนที่จะยกเลิกเงินทุนช่วยเหลือสำหรับประเทศที่ให้การช่วยเหลือผู้อพยพชาวปาเลสไตน์

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและปาเลสไตน์เริ่มเลวร้ายเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังนายทรัมป์ลงนามอนุมัติให้นครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ส่งผลให้สหรัฐฯเสียงต่อต้านจากบรรดาประเทศอาหรับอย่างรุนแรง

• นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวข่มขู่สหรัฐฯว่าพร้อมที่จะโจมตีสหรัฐฯด้วยอาวุธนิวเครียล์หากถูกคุกคาม ขณะที่ยื่นข้อเสนอให้กับเกาหลีใต้ว่าพร้อมที่จะจัดการเจรจากับเกาหลีใต้เท่านั้น

ทั้งนี้ หลังจากที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้รับข้อความจากเกาหลีเหนือ ก็ได้ตอบรับข้อเสนอดังกล่าว พร้อมยืนยันจะจัดการเจรจาขึ้นระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด

ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากที่รับทราบข้อความจากเกาหลีเหนือ ก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านการเจรจาระหว่างประเทศเกาหลีทั้ง 2 แต่อย่างใด แต่ได้กล่าวเตือนให้เกาหลีใต้ ว่านายคิม จอง อึน เชื่อใจไม่ได้

• รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคการเงินเป็นเงินจำนวน 2.1236 แสนล้านหยวน (3.27 หมื่นล้านเหรียญ) เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องของตลาดการเงินในช่วงก่อนสิ้นปี

ทั้งนี้ เมือเดือนพฤศิจกายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ทำการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคการเงินเป็นเงินจำนวนเพียง 4.74 พันล้านหยวน

• ดัชนี Caixin วัดการขยายตัวภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัวผิดคาดสู่ระดับ 51.5 จุดในเดือนธันวาคม จากระดับ 50.8 จุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนคำสั่งซื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น

• ดัชนี PMI ของยูโรโซนขยายตัวสู่ระดับ 60.6 จุดในเดือนธันวาคมตามคาด ส่งผลให้ภาพรวมรายปีของภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนขยายตัวได้แข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 2 ทศวรรต โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก

• ดัชนี PMI วัดการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีขยายตัวสู่ระดับ 63.3 จุด ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 20 ปี เทียบกับระดับ 62.5 จุดของเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากต่างประเทศ

• ราคาน้ำมันดิบปิดส่งท้ายปีเหนือ 60 เหรียญ/บาร์เรลได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2015 และภาพรวมปีนี้ปิดปรับขึ้นได้ 12% จากภาวะอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และสต็อกน้ำมันดิบทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ระดับ 60.42 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดที่ระดับ 66.62 เหรียญ/บาร์เรล

• สำหรับวันทำการแรกของปีเมื่อคืนนี้ทำระดับสูงสุดบริเวณกลางปี 2015 ในช่วงต้นตลาด ก่อนจะปิดอ่อนตัวลงจากท่อส่งน้ำมันดิบในลิเบียและอังกฤษที่กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ประกอบกับการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯปรับตัวชึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ทศวรรษ

น้ำมันดิบ WTI ปิดที่ระดับ 60.37 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงต้นตลาดไปทำ High บริเวณ 60.74 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -0.5% ที่ระดับ 66.57 เหรียญ/บาร์เรล หลังขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่พ.ค.ปี 2015 บริเวณ 67.29 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com