“สิ่งที่เราได้เห็นไปได้ปี 2017 นี้ เป็นเพียงแค่การวางฐานของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต”
- สิ่งทีตลาดให้ความสนใจในปัจจุบัน คือแนวโน้มความรุนแรงของการเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อไปในปี 2018
- การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้จะมีกระแสความไม่มั่นคงทางการเมืองค่อนข้างมาก
นายนิค อัลเลน ผู้บริหารองค์กร Control Risks ในยุโรปและแอฟริกา กล่าวว่า ปี 2018 จะมีความไม่มั่นคงทางการเมืองต่อเนื่องจากในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย
“สิ่งที่เราได้เห็นไปได้ปี 2017 นี้ เป็นเพียงแค่การวางฐานของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้นบรรดาธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้” นายนิคกล่าว
สิ่งทีตลาดให้ความสนใจในปัจจุบัน คือแนวโน้มความรุนแรงของการเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อไปในปี 2018 ขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สามารถขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้จะมีกระแสความไม่มั่นคงทางการเมืองค่อนข้างมาก อย่างเช่น ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ชอบทำอะไรพึลึกๆ ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และการทดสอบขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ
ซึ่งจะเห็นได้จาก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดัชนีตัวหลักๆอย่างสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปี 2017 นี้ ถือได้ว่าเป็นปีที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013
โดยดัชนี S&P 500 สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ถึง 61 ครั้ง เทียบกับ 18 ครั้งในปี 2016 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ถึง 69 ครั้ง เทียบกับ 26 ครั้ง ใกล้เคียงกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งที่สุดของตลาดเมื่อปี 1995
ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐฯในปี 2017 ล้วนเกิดจากความคาดหวังในการผ่านร่างนโยบายปฏิรูปภาษีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานษธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้สัญญาไว้ว่าจะช่วยในการเติบโตของเศรษฐกิจ แม้จะมีความไม่มั่นคงจากตัวนายทรัมป์เอง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเจรจาทางการค้า มุมมองเชิงกีดกันทางการค้า และนโยบายระหว่างประเทศ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินว่า มุมมองเชิงกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่เสี่ยงที่สุดสำหรับปี 2018
อย่างไรก็ดี นาย Neil Dwane นักกลยุทธ์จาก Allianz Global Investors ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับทิศทางความไม่มั่นคงทากงรเมืองในปี 2018 แต่อย่างใด
ทั้งนี้ นาย Neil ได้กล่าวว่า “ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองในปี 2018 ยังคงมีความใกล้เคียงกับรายชื่อของปี 2017 ขณะที่ปัจจัยที่ตลาดกังวลอย่าง Brexit ก็จะยังคงไม่เกิดขึ้นในปี 2018 รวมถึงในในปีที่ผ่านมาๆ เศรษบกิจโลกก็ไม่เผชิญกับสงครามทางการค้าหรือสงครามจริงๆแต่อย่างใด ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง แม้จะย่ำแย่ลงในปีนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันดิบ จึงไม่แปลกที่ตลาดจะไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว
ที่มา: CNBC