• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2560

    15 ธันวาคม 2560 | Economic News


ภาพในบรรทัด 2

·         ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังจากอีซีบีปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในยูโรโซน พร้อมเผยจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตราบเท่าที่ยังจำเป็น ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่บริเวณ 93.431 จุด หลังรายงานข่าวจาก Reuters ระบุว่า ส.ว. รีพับลิกันจำนวน 2 คน ประกาศจะไม่สนับสนุนร่างนโยบายปฏิรูปภาษี

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1.186 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่อีซีบีปรับเพิ่มคาดการณารขยายตัวทางเศรษฐกิจจากปีนี้จนถึงปี 2019 ก่อนจะปรับอ่อนตัวลงมาในช่วงปิดตลาดประมาณ 0.38แถวระดับ 1.178 ดอลลาร์/ยูโร 

·         ผลการประชุมเมื่อคืนนี้พบว่า อีซีบียังมีมติคงนโยบายการเงินเช่นเดิม แต่มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยอีซีบียังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังทรงตัวที่ระดับ -0.4

นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี กล่าวว่า อีซีบี มีแผนจะขยายนโยบาย QE ออกไปในช่วงปีใหม่นี้ แต่อาจจะเริ่มลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรลง หลังจากที่การประชุมในเดือนต.ค. ได้เผยว่า อีซีบีจะลดการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนจาก 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน (7.1 หมื่นล้านเหรียญ) สู่ระดับ 3 หมื่นล้านเหรียญ/เดือน และคาดว่านโยบาย QE จะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงเดือน ก.ย. ปี 2018 ซึ่งทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยุโรป

อย่างไรก็ดี อีซีบีคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.5ขณะที่ปีหน้าปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 1.4จากคาดการณ์เดิม 1.2ซึ่งภาพรวมเงินเฟ้อก็ยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2ที่อีซีบีกำหนด แต่คาดว่าเงินเฟ้อจะแตะ 1.7 ได้ในปี 2020

นอกจากนี้ อีซีบียังรับคาดการณ์จีดีพีปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.4จากคาดการณ์เดิม 2.2และปีหน้าคาดจะขยายตัวได้ 2.3จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.8เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 และส่งผลให้จีดีพีแท้จริงปรับขึ้นมา 0.6% เมื่อเทียบรายไตรมาส

·         นายมาโก รูบิโอ (Marco Rubio ) และนายไมค์ ลี (Mike Lee) สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันทั้ง 2 คน เผย พวกเขาจะไม่สนับสนุนร่างนโยบายปฏิรูปภาษีหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านเครดิตภาษีสำหรับเด็ก (child tax credits)

ทั้งนี้ พรรครีพับลิกันสามารถเจรจาเพื่อผนวกร่างนโยบายปฏิรูปภาษีทั้ง ร่างจากฝั่งส.ส. และ ส.ว. เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา และจะนำไปทำการลงมติเป็นครั้งสุดท้ายภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแสดงความกังวลว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯอาจปรับร่วงลง หากร่างนโยบายไม่สามารถผ่านการลงมติไปได้

·         นายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกร้องให้คณะกรรมการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบว่าข้อมูลที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับบรรดา ส.ส. เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมผ่านมามีการหลุดออกไปหรือไม่ ท่ามกลางการดำเนินการสืบสวนกรณีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 โดยคณะสืบสวนพิเศษ ที่ดูมีท่าทีจะเร่งดำเนินการมากขึ้น

·         ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาด นำโดยข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. ที่ขยายตัวขึ้นจากการจับจ่ายในช่วงเทศกาล จึงยังบ่งชึ้ถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่อาจปูทางให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าได้

·         จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 225,000 ราย หรือลดลง 11,000 ราย โดยเป็นการปรับตัวลดลงมาใกล้ระดับต่ำที่สุดในรอบ 44 ปีครึ่ง นับตั้งแต่มี.ค. ปี 1973 (223,000 ราย) และเป็นสัปดาห์ที่ 145 ที่ข้อมูลดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย จึงบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน

·         ดัชนีราคานำเข้าสหรัฐฯปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ย. ที่ระดับ 0.7จาก 0.2% ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้านำเข้าประเภทปิโตรเลียม ซึ่งถือเป็นระดับการขยายตัวมากที่สุดเมื่อเทียบรายปี และมากที่สุดในรอบ 7 เดือน

·         ดัชนีวัดความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Tankan) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 25 จุดในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี จึงเป็นการส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ขยายตัวได้จากแรงหนุนของภาคการส่งออกและผลประกอบการของบริษัท

ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาอาจช่วยหนุนมุมมองของบีโอเจ ให้สามารถพิจารณาที่จะออกจากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้เร็วขึ้น แม้อัตราเงินเฟ้อจะยังขยายตัวได้ถึงเป้าหมายที่ 2% ก็ตาม

·         ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะชะลอตัวของท่อส่งน้ำมันในอังกฤษที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคาดการณ์น้ำมันดิบทั่วโลกจะอยู่ในภาวะสูงเกินในช่วงเริ่มต้นปีหน้า

น้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือคิดเป็น +0.8% ที่ระดับ 57.04 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 87 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.4ที่ระดับ 63.31 เหรียญ/บาร์เรล 


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com